พระวิภังคปกรณ์ ปริจเฉท ผูก ๒ อธิบายข้อธรรมที่รวมเป็นหมวดหมู่ (เรียกวิภังค์หนึ่ง ๆ) แยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระอภิธรรมนี้ในพรรษาที่ ๗ นับจากตรัสรู้ ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์เสด็จไปประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต พระอินทร์ทราบจึงรีบเสด็จไปยังภพดุสิตอันเป็นที่สถิตของพระสิริมหามายาแล้วกราบทูล พระสิริมหามายาทรงสดับและทรงโสมนัสจึงเสด็จจากภพดุสิตไปภพดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาตรัสเชิญพระสิริมหามายาพุทธมารดาให้เข้าไปใกล้ ให้เป็นประธานแก่เทพยดาทั้งหลาย แล้วจึงโปรดประทานพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตามลำดับจนครบสามเดือน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ พระอภิธรรมนี้ ชาวพุทธถือว่าออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงเทศนาโปรดเทพยดามีพระพุทธมารดาเป็นประธานเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา
พระอภิธรรมสังคิณี ผูก ๑ หรือ ธัมมสังคณี รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้วอธิบายเป็นประเภทๆ พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระอภิธรรมนี้ในพรรษาที่ ๗ นับจากตรัสรู้ ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์เสด็จไปประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต พระอินทร์ทราบจึงรีบเสด็จไปยังภพดุสิตอันเป็นที่สถิตของพระสิริมหามายาแล้วกราบทูล พระสิริมหามายาทรงสดับและทรงโสมนัสจึงเสด็จจากภพดุสิตไปภพดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาตรัสเชิญพระสิริมหามายาพุทธมารดาให้เข้าไปใกล้ ให้เป็นประธานแก่เทพยดาทั้งหลาย แล้วจึงโปรดประทานพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตามลำดับจนครบสามเดือน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ พระอภิธรรมนี้ ชาวพุทธถือว่าออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงเทศนาโปรดเทพยดามีพระพุทธมารดาเป็นประธานเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา
ต้นสมุดกล่าวถึง ปีนักษัตร วันอุโบสถ กาลปักเขเดือนแรม ศุกรปักเขเดือนขึ้นเขียนด้วยอักษรไทย อักษรขอมไทย และอักษรขอมหวัด ต่อมากล่าวถึงการกำหนดอายุพุทธศาสนาในกัปนี้ของพระพุทธเจ้า จากนั้นเป็นพระปาฏิโมกข์เขียนด้วยอักษรขอมไทย
พระอนาคตวงศ์นี้ เป็นเรื่องกล่าวถึงประวัติย่อของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญพระบารมีในชาติหนึ่ง ซึ่งปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ เกิดสำเร็จผล ทรงพระอภินิหาร ประกอบด้วยพระเดชามหานุภาพ เป็นพุทธสมบัติที่จะมาอุบัติตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิบพระองค์ในโลก ณ อนาคตกาลภายหน้านั้นคือ - พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์หนึ่ง - พระราม พระองค์หนึ่ง - พระธรรมราช พระองค์หนึ่ง - พระธรรมสามี พระองค์หนึ่ง - พระนารทะ พระองค์หนึ่ง - พระรังสีมุนีนาถ พระองค์หนึ่ง - พระเทวเทพ พระองค์หนึ่ง - พระนรสีหะ พระองค์หนึ่ง - พระติสสะ พระองค์หนึ่ง - พระสุมงคล พระองค์หนึ่ง ซึ่งต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไปโดยลำดับกัปป์ นับตั้งแต่ภัทรกัปป์นี้เป็นต้นไป พระพุทธเจ้าสิบพระองค์นี้ ทรงสร้างพระบารมีสิบทัศครบบริบูรณ์แล้ว จึงทรงพระคุณ มีอภินิหารต่างๆ ยิ่งหย่อนกว่ากันด้วยสามารถพระบารมีนั้นๆ ของพระองค์ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ตรัสไว้แก่พระสารีบุตรโดยพุทธภาษิตบรรยาย จัดเป็นพุทธประวัติกาลอนาคตเรื่องหนึ่งฯ
ตำราเขียนยันต์พร้อมด้วยคาถาต่างๆ เช่น ยันต์เสกน้ำมันเมี่ยง เสกหมาก เสกขี้ผึ้งสีปาก ยันต์ปิดประตูกันขโมย ยันต์เลี้ยงลูกง่าย เป็นต้น
ตำราโหราศาสตร์เล่มนี้กล่าวถึง ราหูจร ยามพระราม(เดินทาง) การปลูกเรือน การตัดเล็บ การดูปลวกขึ้นเรือน การฟังเสียงฟ้าร้อง ฯลฯ
ตำราโหราศาสตร์ต่างๆ เช่น ตำราห่วง เทพจรประจำกาย ตำรากรุงพาลี เป็นต้น
ตำราโหราศาสตร์เล่มนี้กล่าวถึงเรื่อง เทพจรประจำกาย ดูฤกษ์วันต่างๆ วันอมฤตโชค วันสิทธิโชค วันมหาสิทธิโชค เรื่องกรุงพาลีการตั้งศาลพระภูมิ ตำราดูนาควัน ตำราดูปลวกขึ้นเรือน
ตอนแรกเป็นโองการอัญเชิญเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ต่อมาเป็นคาถาอาคม เสกผงและเทียน ด้านท้ายมีภาพยันต์