ฐานข้อมูลเอกสารตัวเขียนในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส) ได้เปลี่ยนชื่อจาก ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคลังข้อมูลเอกสารตัวเขียนของประเทศไทยที่มีมาตรฐานสากล ขยายขอบเขตพรมแดนการสำรวจและการทำสำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนจากภูมิภาคตะวันตกเป็นทั่วประเทศไทย และให้บริการข้อมูลสำเนาดิจิทัลของเอกสารโบราณ บทความปริวรรต รายงานการสำรวจ ผ่านฐานข้อมูลฯ ส่งเสริมการศึกษาและต่อยอดองค์ความรู้ไปยังศาสตร์อื่นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทำให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน และสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยไม่ต้องคำนึงถึงทุนทรัพย์ เวลา และสถานที่ นอกจากนี้ ยังเปิดเป็นพื้นที่กลางในการรับไฟล์สำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนจากหน่วยงาน องค์กร สถาบัน ทั่วประเทศ
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย เปิดให้ใช้บริการและเข้าถึงข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งเริ่มพัฒนาข้อมูลและดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2555 ภายใต้ชื่อโครงการสำรวจ รวบรวม และศึกษาวรรณกรรมท้องถิ่นภาคตะวันตก เพื่อเก็บข้อมูลเอกสารตัวเขียนโดยการทำสำเนาดิจิทัลในเขตพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศไทย
เมื่อ ศมส. มีแนวคิดพัฒนาฐานข้อมูลฯ จึงได้นำข้อมูลรายชื่อวรรณกรรมท้องถิ่นภาคตะวันตก ที่เคยสำรวจข้อมูลรายชื่อจากวัดต่าง ๆ ตามพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศไทย (อ้างอิงจาก คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้แบ่งประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค และมีขอบเขตของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ แต่ขอบเขตของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตกแตกต่างไปจากภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ โดย ภูมิภาคตะวันตก ประกอบด้วยจังหวัดดังต่อไปนี้ นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2541 มาเป็นข้อมูลตั้งต้นสำหรับสำรวจ โดยระยะการดำเนินงานในช่วงแรก ศมส. ได้กลับมาสำรวจข้อมูลชุดเดิมเพื่อตรวจสอบว่า เอกสารตัวเขียนยังคงอยู่หรือไม่ พบว่า เอกสารตัวเขียนบางส่วนชำรุดเสียหายจากภัยธรรมชาติบ้าง เอกสารตัวเขียนถูกเคลื่อนย้ายไปพร้อมเจ้าอาวาสที่ย้ายไปจำพรรษาที่วัดแห่งใหม่ และบางวัดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในไม่อนุญาตให้สำรวจ ทำให้ไม่ทราบถึงจำนวนเอกสารตัวเขียนที่ยังคงเก็บรักษาไว้ได้ เป็นต้น เมื่อสั่งสมข้อมูลได้จำนวนหนึ่ง จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาเว็บไซต์ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย ได้เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงไฟล์สำเนาดิจิทัลและข้อมูลเอกสารตัวเขียน ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา โดยฐานข้อมูลฯ ยังแสวงหาและสำรวจข้อมูลเอกสารตัวเขียนเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ฐานข้อมูลฯ มีความเข้มแข็ง ต่อมา พ.ศ. 2567 ได้ระดมความคิดเห็นของจากกลุ่มผู้ใช้เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลฯ ให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก ทันสมัย เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูลไซเบอร์
พ.ศ.2568 เปลี่ยนชื่อจาก ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย เป็น ฐานข้อมูลเอกสารตัวเขียนในประเทศไทย เพื่อขยายขอบเขตการสำรวจ ศึกษา และทำสำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนเป็นทั่วประเทศไทย และเปิดพื้นที่กลางในการรับไฟล์สำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนจากหน่วยงาน องค์กร สถาบัน ทั่วประเทศ
นอกจากภารกิจหลักของฐานข้อมูลฯ ในการสำรวจและเผยแพร่ไฟล์สำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนแล้ว ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้และการอนุรักษ์เอกสารตัวเขียน เช่น การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับจัดการเอกสารตัวเขียน (Tool Kit Box) การจัดอบรมเผยแพร่การอนุรักษ์และทำสำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียน การจัดเวทีเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านเอกสารตัวเขียน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ฐานข้อมูลเอกสารตัวเขียนในประเทศไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเผยแพร่ข้อมูลอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวพันกับบุคคล ชุมชน ทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เหมาะสมหรือใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในทางที่ผิดทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา จึงได้กำหนดระเบียบปฏิบัติในการใช้ข้อมูลเหล่านี้ โดยแสดงสัญลักษณ์กำกับสำเนาดิจิทัลเอกสารตัวเขียนแต่ละชุด เพื่อให้ผู้ใช้ทราบข้อกำหนดในการใช้ข้อมูล สัญลักษณ์กำกับสำเนาดิจิทัลเอกสารโบราณดังนี้
Creative common คือ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ เป็นสัญญาอนุญาตทางลิขสิทธิ์ มีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ต่อการแบ่งปันสารสนเทศ โดยหากจะมีการนำข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลเอกสารตัวเขียนในประเทศไทย ไปใช้ ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดดังต่อไปนี้
คือ อ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า และห้ามดัดแปลง โดยเอกสาร/ข้อมูล ที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์หมายถึง