หนังสือสมุดไทยบันทึกตำราหมวดหมู่โหราศาสตร์ บันทึกด้วยอักษรมอญ และภาษามอญ
สมุดไทยขาวเล่มนี้ เป็นตำราโหราศาสตร์ เขียนด้วยอักษรมอญ ภาษามอญ และภาพยันต์เล็กน้อย หน้าสุดท้ายมีอักษรภาษาไทย “บวกอายุผู้ดูแล้วเอา 8 หาร”
สมุดไทยขาวเล่มนี้ เป็นตำราโหราศาสตร์ เขียนด้วยอักษรมอญ ภาษามอญ และภาพยันต์เล็กน้อย
ในคัมภีร์ทางพระอภิธรรมบรรยายเกี่ยวกับกรรมฐานไว้ว่า การงานที่เป็นเหตุแห่งการบรรลุธรรม และแบ่งกรรมฐานเป็นสองอย่าง คือ สมถะ เป็นอุบาย การยังกิเลส นิวรณ์ทั้งหลายให้สงบ ระงับ และวิปัสสนา เป็นปัญญา เห็นโดยอาการต่างๆ มีความไม่เที่ยง เป็นต้น (ข้อมูลจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/กรรมฐาน)
พระยาชมพูบดีเป็นกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการ มีฤทธิ์เพราะมีศรวิเศษปราบได้ทั่วหล้า ด้วยพลังอำนาจนี้ทำให้พระยาชมพูบดีถือตนว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ในชมพูทวีป ครั้งหนึ่งพระยาชมพูเหาะผ่านปราสาทของพระเจ้าพิมพิสาร เห็นแสงของปราสาทส่องสว่างก็ไม่พอพระทัย ใช้พระบาทถีบยอดปราสาท แต่ก็ไม่อาจทำอันตรายยอดปราสาทได้เพราะอำนาจพระพุทธคุณที่คุ้มครองปราสาท แม้พระขรรค์ก็ไม่อาจทำลายยอดปราสาทได้ เมื่อพระยาชมพูกลับมาถึงเมืองจึงใช้ศรวิเศษไปเสียบพระกรรณของพระเจ้าพิมพิสาร ฝ่ายพระเจ้าพิมพิสารเห็นพระยาชมพูพยายามทำลายยอดปราสาทก็เกิดความกลัว หนีไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ศรของพระยาชมพูตามพระเจ้าพิมพิสารมายังเชตวันวิหาร พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตจักรขับไล่ศรของพระยาชมพู พระยาชมพูกริ้ว สั่งให้ฉลองพระบาทไปจับตัวพระเจ้าพิมพิสาร ฉลองพระบาทแปลงเป็นนาคราชไปยังเชตวันมหาวิหาร พระพุทธเจ้าบันดาลพญาครุฑไล่จับนาค นาคก็ชำแรกดินหนีกลับไปหาพระยาชมพู พระพุทธเจ้าให้พระอินทร์ไปเชิญพระยาชมพูมาเฝ้า พระยาชมพูดื้อดึง พระอินทร์ปราบพยศพระยาชมพูและบังคับให้พระยาชมพูมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้สามเณรอรหันต์นำพระยาชมพูเข้ามาในเมือง พระยาชมพูและเหล่าอำมาตย์ไม่เคยเห็นเมืองที่มั่งคั่งและประชาชนที่งดงามดังเทวดา ก็ละอายยอมละทิฐิ ยอมออกบวชเป็นภิกษุ นางกาญจเทวีชายากับโอรสของพระยาชมพูได้ฟังเทศนาของพระพุทธเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสออกผนวช สุดท้ายทุกคนก็สำเร็จอรหันตผล (ข้อมูลจาก https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=332)
เตมียราชกุมารไม่ต้องการครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา ด้วยเพราะทรงเห็นพระราชบิดาลงโทษโจรด้วยความทารุณ ทำให้พระองค์ทรงระลึกถึงอดีตชาติที่พระองค์ทรงเคยเป็นพระราชาครองเมืองนี้ และได้กระทำบาปกรรมทำให้ต้องตกนรกถึงแปดหมื่นปี จึงแกล้งทำตัวเป็นใบ้ หูหนวก เป็นง่อย ไม่ว่าพระราชบิดาพระราชมารดาจะทดสอบด้วยวิธีการใด เตมียราชกุมารก็ไม่ปรากฎอาการพิรุธใดๆ จนพระชนมายุ 16 พรรษา พวกพราหมณ์ทำนายว่า เตมียราชกุมารเป็นคนกาลกิณี ให้นำไปฝังเสียที่ป่าช้า โดยมอบให้สารถีขับรถม้าบรรทุกเตมียรากุมารไปจัดการเพียงผู้เดียว ขณะที่สารถีกำลังขุดหลุมเตมียราชกุมารก็ลงจากรถและสนทนากับสารถีว่าตนไม่อยากครองราชย์แต่ประสงค์ออกบวช และได้แสดงธรรมให้สารถีฟัง สารถีเลื่อมใสจึงขออกบวชด้วย แต่เตมียกุมารไม่ยินยอม บอกให้สารถีเอารถไปคืนและแจ้งแก่พระราชบิดาและพระราชมารดาของตน เมื่อฝ่ายคนในวังรู้จึงออกไปทูลให้เตมียราชกุมารกลับไปครองเมือง แต่เตมียราชกุมารปฏิเสธและได้แสดงธรรมให้เหล่าผู้ที่มาทั้งหมดได้ฟัง เมื่อได้ฟังแล้วทำให้เกิดความเลื่อมใสจึงขอออกบวชตามเตมียราชกุมารทั้งหมด
พระอภิธรรมมัตถสังคหะ มาจากคำว่า อภิธมฺม แปลว่า ธรรมอันประเสริฐยิ่ง อตฺถ แปลว่า เนื้อความ สํ แปลว่า โดยย่อ คห แปลว่า รวบรวม เมื่อประมวลความหมายแห่งคำเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วก็มีความหมายว่า พระอภิธัมมัตถสังคหะ หมายถึง จิต เจตสิก รูป นิพพาน และบัญญัติ ที่พระองค์ทรงแสดงไว้ในพระอภิธรรมปิฎก 7 คัมภีร์นั้นได้ รวบรวมมาแสดงโดยย่อในปกรณ์นี้ (ข้อมูลจาก https://www.thepathofpurity.com/ระอภ-ธรรม/พระอภ-ธ-มม-ตถส-งคหะ/ปร-จเฉทท-๑/)
สมุดไทยดำเล่มนี้กล่าวถึง ชื่อยาและสูตรสมุนไพรรักษาโรค เช่น ยามหานินน้อยเป็นยากวาดซาง เอารากดินข้อ1 เปลือกน้ำเต้าเผา 1 เกล็ดปลาช่อนข้อ 1 ลูกมะแว้งต้นมะแว้งเครือ น้ำประสานทอง หัวตะไคร้หอมสะตุ เขี้ยวแรดฝนเอาน้ำ 1 ใบกะเพรา 1 พิมเสน ดีงูเหลือม ยานี้เอาเท่ากันเหล้าเป็นกระสาย ทำแท่งไว้ฝนด้วยเหล้ากวาด เป็นต้น
ว่าด้วยเรื่องความเป็นมาของกฎหมายลักษณะผัวเมีย เมื่อ “ศุภมัสดุ 1904 ศก ชวดนักษัตร เดือน 11 ขึ้น 5 ค่ำ จันทวาร” สมเด็จพระมาราธิบดีษรีจักรพรรดิราช (ชื่อที่ปรากฏในเอกสารโบราณ) มีพระราชโองการให้ตราขึ้น ระบุถึงลักษณะโทษและกำหนดบทลงโทษของชายหรือหญิงใดที่กระทำผิด เช่น ถ้าชายใดทำชู้ด้วยเมียกลางทาษี ให้ไม่ได้พระราชกฤษฏีทำ 5 ส่วน ยักเสีย 3 ส่วน 2 หญิงอันร้ายให้เอาเฉลวแปะหน้า ทัดดอกชบาแดงทั้งสองหู ร้อยดอกชบาเป็นมาลัยใส่ศีรษะใส่คอ ให้นายฉํวงตีฆ้องนำประจาน 3 วัน เป็นต้น