อานิสงส์ เป็นผลผลิตจากการประกอบความดีต่างๆ ตามคติที่ว่า ทำดีได้ดี หมายความว่าเมื่อทำความดี ความดีย่อมให้อานิสงส์เป็นคุณความดีก่อน ลำดับต่อมาคุณงามความดีนั้นจึงให้ผลที่น่าชื่นใจไหลออกมาสนองผู้ทำในรูปแบบต่างๆ ตามเหตุปัจจัยที่ทำ
สัจจะบารมี คือ การบำเพ็ญเพียรด้วยการมีสัจจะ คือ ความตั้งใจจริง การทำจริง และการพูดคำสัตย์
อุเบกขา หมายถึง ความวางเฉยแบบวางใจเป็นกลางๆ โดยไม่เอนเอียงเข้าข้างเพราะชอบ เพราะชัง เพราะหลงและเพราะกลัว เช่นไม่เสียใจเมื่อคนที่ตนรักถึงความวิบัติ หรือไม่ดีใจเมื่อศัตรูถึงความวิบัติ มิใช่วางเฉยแบบไม่แยแสหรือไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้เป็นต้น ลักษณะของผู้มีอุเบกขา คือเป็นคนหนักแน่นมีสติอยู่เสมอ ไม่ดีใจไม่เสียใจจนเกินเหตุ เป็นคนยุติธรรม ยึดหลักความเป็นผู้ใหญ่ รักษาความเป็นกลางไว้ได้มั่นคงไม่เอนเอียงเข้าข้าง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลถูกต้องคลองธรรม และเป็นผู้วางเฉยได้เมื่อไม่อาจประพฤติเมตตา กรุณา หรือมุทิตาได้
มังคลัตถทีปนี (มังคละ+อัตถะ+ทีปนี) แปลว่า แสดงเนื้อความของมงคลสูตร บอกให้ทราบถึงสิ่งที่จะยังชีวิตคือสรีรยนต์นี้ให้ถึงความสมบูรณ์หรือถึงความยั่งยืนตามแนวพระพุทธศาสนา มงคลสูตรเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยังไม่ทราบว่าอะไรแน่ที่เป็นมงคลชีวิต
มังคลัตถทีปนี (มังคละ+อัตถะ+ทีปนี) แปลว่า แสดงเนื้อความของมงคลสูตร บอกให้ทราบถึงสิ่งที่จะยังชีวิตคือสรีรยนต์นี้ให้ถึงความสมบูรณ์หรือถึงความยั่งยืนตามแนวพระพุทธศาสนา มงคลสูตรเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยังไม่ทราบว่าอะไรแน่ที่เป็นมงคลชีวิต
RBR_003_244-248 รวมกันอยู่ใน “เลขที่ 29 พระมาลัย อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับทองทึบ 5 ผูก” / RBR_003_244-245 เป็นชุดเดียวกัน หน้าทับต้น ระบุ “ฯฯ หน้าทับเค้ามาลัยปลายผูก ๒ แลท่านเอย ฯฯะ๛” / เขียนอักษรไทยด้วยปากกาลูกลื่นสีแดง “มาลัย ผูก ๒ มีกับกัน ๒ ผูก” ลานแรก ด้านซ้ายมือ ระบุ “มาลัย ผูก ๒” ท้ายลาน ระบุ “กิริยาอันกล่าวยังทุติยะพระมาลัย ผูกถ้วนสอง ก็แล้วเท่านี้ก่อนแล ฯฯะ๛ นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ เม อนาคเตกาเล มาลัย ผูก ๒ ภิกขุสุวรรณอินทอง วัดนาโพเขียนหื้อท่านสัน วัดดอนแจง” มีรอยแก้ไขด้วยดินสอดำ
RBR_003_239-243 รวมกันอยู่ใน “เลขที่ 26 นรชิวสูตร อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับทองทึบ-ล่องชาด 5 ผูก” / RBR_003_239-242 ชุดเดียวกัน ทองทึบ ทองหลุด พื้นรัก หน้าทับต้น ระบุ “ฯฯ นรชีวะ ผูกถ้วน ๔ แลนายเหย ฯ ธุวํ ธุวํ แก่ข้าแด่เทอะ ฯฯ ๒๕ ลาน ใบลาน ๒๕ ลาน สร้างไว้ค้ำชูพระ” ท้ายลาน ระบุ “มหานรชีวชาตกํ นิฏฺฐิตํ กิริยาอันเทศนาสำแดงยังมหานรชีวชาตกผูกถ้วน ๔ ก็สมเสด็จแล้วบอระมวลควรแก่กาลธรรมเทศนาเท่านี้ก่อนแล ฯฯ ศรัทธารัสสภิกขุนวร ได้เขียนได้สร้างแล ฯฯ เสด็จแล้วพอตา[วัน]เที่ยงพอดีก็งามแลนายเหย”
มัดรวมกันอยู่ใน “เลขที่ 55 มะลิซ้อน อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับทองทึบ-ล่องชาด 5 ผูก” มีไม้บัญชักทำด้วยไม้ไผ่ เขียนอักษรไทยด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน “มะลิซ้อน มี 4 ผูก” หน้าทับต้น เขียนอักษรไทยด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน “มะลิซ้อน ผูก ๑” หน้าลานแรก ระบุ “หน้าทับเค้า มะลิซ้อน ผูกต้น” ท้ายลาน ระบุ “นันทกุมาร ผูกต้น ก็สมเร็จเสด็จแล้ว บอระมวลควรกาล ธรรมเทศนาก็แล้วเท่านี้ก่อน ๚ จบแล้ว นายเหย รัสสภิกขุ พุทธบาร เขียนปางเมื่ออยู่วัดนาหนองบวชได้วัสสา ๑ เขียนบ่อดีสักน้อย เพราะอยากใคร่สิกข์เต็มทีแล้วท่านเอย ฯฯ” มีรอยแก้ไขด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน
มังคลัตถทีปนี (มังคละ+อัตถะ+ทีปนี) แปลว่า แสดงเนื้อความของมงคลสูตร บอกให้ทราบถึงสิ่งที่จะยังชีวิตคือสรีรยนต์นี้ให้ถึงความสมบูรณ์หรือถึงความยั่งยืนตามแนวพระพุทธศาสนา มงคลสูตรเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยังไม่ทราบว่าอะไรแน่ที่เป็นมงคลชีวิต