สมุดไทยขาว บันทึกด้วยอักษรไทย ภาษาไทย ลายมือเป็นระเบียบสวยงาม อ่านง่าย และมีการบุว่า “ผู้คัดลอก คือ นายทรง”
ส่วนปลายเนื้อหาที่เป็นลายมือเดียวกับส่วนต้น 3 หน้า นอกนั้นเป็นหน้าที่เขียนด้วยดินสอและหมึก และมีการลบข้อความด้วยการสีป้ายหมึกดำทำให้อ่านไม่ได้ และอักษรลบเลือน 40 หน้า
ท้าวลินทอง เป็นการตั้งชื่อเรื่องจากตัวละครเอกที่ชื่อ “ลินทอง” เพื่อสอดคล้องกับตัวละครเอกที่ในอดีตชาติ “ลินทอง” เป็นพระโพธิ์สัตว์กลับชาติมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง ลินทอง เป็นวรรณกรรมศาสนา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ เรื่องการทูต หรือเรื่องคารมเสน่หา จนในปัจจุบันผู้คนนิยมเอาคาถาลินทองไปเจรจาธุรกิจ หรือเอาไปใช้ในการจีบผู้หญิง
สมุดไทยบันทึกวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่อง ท้าวลินทอง
ส่วนแรกเป็นบทกลอน “พ่อบุญเลิศเกิดมาเป็นอีศลาม” สอนเรื่องความศรัทธาและการปฏิบัติเป็นชาวมุสลิมที่ดี ส่วนที่ 2 เป็นกลอนสำหรับเรียนพยัญชนะภาษาอาหรับ ส่วนที่ 3 เป็นบทกลอนสำหรับเรียนพยัญชนะภาษาไทย
เอกสารโบราณฉบับนี้ลายมือสวยอ่านง่าย แต่ไม่ครบฉบับเนื้อหาขาดตอนต้นและตอนปลาย มีหน้าที่อักษรเลือนลางประมาณ 17 หน้า และหน้าสมุดไทยที่เขียนกลับหัว 5 หน้า
สมุดไทยขาวบันทึกด้วยอักษรไทย ภาษาไทย และอักษรขอมไทย ภาษาบาลี แทรกเล็กน้อย
ในส่วนหน้าต้น กล่าวถึงเรื่องโหราศาสตร์เป็นบทประพันธุ์ร้อยกรอง เช่น
“ วันอาทิดใหนายทับนุงแดง เสีอแสงโลหิดวัดถา
วันจันนุงข้าวผองตองตำมรา วันอังคางนุงมวงชวงฉาย
วันพุทนุงชุมพูดูดี ตามหาพิไชยรุศวัดดี
เสีอสวมกายโภกเสียรตามสี เสีอสีดุจะนุงรุงเรีอง
วันพระหัดนุงสีแสดสลับ ประดับกายแกดกอนอาภอนเหลีอง
วันศุกให้นายทับประดับเครีอง วันเสานุงดำอำไพ้ย
มาขีสีตามอัถฏวอน นุงสีเมกเหลีองอลังการ
ชอบพิไชณรงรานชานสมอน ทินณกอรมกบังบนนํพา”
หน้าปลาย เรียบเรียงเป็นบทประพันธ์ร้อยแก้ว กล่าวถึงคาถาต่าง ๆ เช่น คาถาเสกขี้ผึ้ง คาถาต่อกระดูก เป็นต้น
สมุดไทยดำ เขียนด้วยเส้นรง อักษรไทย ภาษาไทย ตัวอักษรสวยงามเป็นระเบียบอ่านง่าย เนื้อความเล่าถึงพระรามและพระลักษณ์ออกตามหานางสีดาจนถึงลำธารแห่งหนึ่ง พบนกยูงและนกยางกำลังตำหนิพระรามที่ปล่อยให้ทศกัณฐ์ลักนางไปได้ พระรามกริ้วจะสังหารนกทั้งสอง แต่เมื่อนกทูลเตือนพระรามก็คลายความโกรธลง นกทั้งสองทูลว่าทศกัณฐ์เป็นผู้ลักนางไปและให้พระรามเดินทางต่อไปจะพบลิงดำ เมื่อพระรามและพระลักษณ์พบลิงดำ ลิงถวายผ้าสไบที่นางสีดาฝากไว้และบอกทางให้พระรามและพระลักษณ์เดินทางไปจนได้พบยักษ์กุมพลซึ่งมีกายเพียงครึ่งเดียว พระลักษณ์ใช้ตรีสังหารยักษ์กุมพล ต่อมาทั้งสองพบนกสดายุซึ่งคาบธำมรงค์ไว้รอถวายพระราม เมื่อเล่าเรื่องจบแล้วสดายุก็สิ้นใจ พระรามเสียพระทัยมากจึงจัดการปลงศพโดยแผลงศรเป็นไฟเผาสดายุ จากนั้นก็เดินทางจนได้พบหนุมาน (ข้อมูลจาก https://thailitdir.sac.or.th/detail.php?meta_id=200)
พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นชาวอินเดีย เกิดในตระกูลพราหมณ์ และได้ร่ำเรียนจนจบไตรเพทตามธรรมเนียมพราหมณ์ก่อนที่จะมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาโดยการชักจูงของพระเรวัตตะเถระ จากนั้นก็พากเพียรเรียนพระไตรปิฎกจนมีความรู้แตกฉาน ก็มีความคิดที่จะแต่งอรรถกถา แต่ในตอนนั้นที่อินเดียมีแต่บาลีพระไตรปิฎกเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางไปที่เกาะลังกาเพื่อแปลอรรถกาจากภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี และได้รจนาพระคัมภีร์วิสุทธิ-มรรคในขณะที่อยู่ลังกา