ณรงคจิตรชาดก เป็นกลอนสวดที่ไม่พบที่มาของเรื่อง เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่แต่งเลียนแบบชาดก โดยผู้แต่งเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องชาดก คือใช้ชื่อเรื่องเป็นชาดกและเนื้อเรื่องก็กล่าวถึงผลของบุรพกรรมซึ่งเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ในชาติปัจจุบัน ตัวละครเอกจะใช้คำว่า “หน่อศาสนา” และ “โพธิสัตว์” และตอนท้ายมีประชุมชาดก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะผู้แต่งต้องการให้เห็นว่าเรื่องที่ตัวเองแต่งมีความสำคัญ น่าเชื่อถือ และได้อานิสงส์อีกด้วย ณรงคจิตรชาดกในต้นฉบับเอกสารสมุดไทยดำฉบับวัดท่าพูดนี้ มีเนื้อเรื่องบางตอนสลับที่กัน โดยเปรียบเทียบกับเนื้อเรื่องในภาคผนวกของณรงคจิตรชาดกฉบับที่ทำเป็นวิทยานิพนธ์แล้ว และสันนิษฐานว่าเกิดจากการคัดลอกที่คลาดเคลื่อนไป เพื่อความสะดวกในการอ่านและความสมบูรณ์ของเนื้อหา ผู้เรียบเรียงจึงขอสลับเนื้อเรื่องบางตอนให้ตรงกับฉบับที่นำมาสอบทาน และขอแก้ไข เพิ่มเติมคำหรือความที่คาดว่าน่าจะเขียนตกหล่นไปโดยจะใส่คำหรือความเหล่านั้นไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ
เรื่องนี้ระบุผู้แต่ง อาจารย์หมอคลาย บ้านเกาะเกร็ด จารเสร็จเมื่อ จ.ศ.1228 (พ.ศ.2409)
ทะเบียนเดิม คือ 68 ตำราหมอดู อักษรมอญเป็นตำราหมอดู อักษรไทยเป็นวรรณคดีเรื่องจันทโครพ
เรื่องนี้ระบุผู้แต่งว่าเป็น อาจารย์หมอคลาย บ้านเกาะเกร็ด
พระสุธน มนโรา
ลักษณวงศ์ เป็นโอรสของท้าวพรหมทัต วันหนึ่งเมื่อประพาสป่าพบนางยักษ์ตนนึงใช้เล่ห์กลจนลุ่มหลง สั่งประหารลูกเมียตนเอง ฝ่ายมเหสีและพระโอรสรอดจากประหารเพราะเพชรฆาตสงสาร พากันหนึเข้าป่า แต่พลัดพรากจากกัน ลักษณวงศ์ได้ฤาษีชุบเลี้ยงและถ่ายทอดวิชาให้จนเติบใหญ่ก็ขอลาไปตามหามารดาจนพบ ฝ่ายนางทิพเกสรผู้เรียนวิชาสำนักเดียวกันกับลักษณวงศ์ ก็เศร้าโศกเสียใจเพราะฤาษีที่เลี้ยงดูนางเสียชีวิต อยากจะตายตาม แต่ได้นางกินรีช่วยชีวิตไว้ ลักษณวงศ์หลังจากที่พบมารดาและช่วยบิดาจากการทำเสน่ห์ของนางยักษ์แล้วก็ทนคิดถึงนางทิพเกสรไม่ไหว หวังจะรับนางมาเป็นมเหสี จึงออกตามหา หลังจากที่ลักษณวงศ์ตามหาจนพบนางทิพเกสร ก็อยู่กินจนนางท้อง แต่ก็พลัดพรากกันอีกครั้ง เมื่อนางออกตามหาก็ทราบว่าลักษณวงศ์มีชายาอีกคนชื่อ นางยี่สุน สร้างความเสียใจให้นางทิพเกสรมาก นางจึงปลอมตัวเป็นพราหมณ์เกสร เข้าวังไปรับใช้ลักษณวงศ์ สุดท้ายก็ถูกสั่งประหารชีวิต (อ้างอิง https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=218)
ที่มาของชื่อ มโหสถ กล่าวคือ เมื่อแรกเกิดได้ถือแท่งยาออกมา ผู้เป็นบิดาจึงได้นำแท่งยาไปฝนกับหินบดยาแล้วนำมาทาที่หน้าผาก ปรากฏว่าอาการปวดหัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงตั้งชื่อบุตรชายว่า มโหสถ ( อ้างอิงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/มโหสถชาดก ) เอกสารโบราณไม่ครบฉบับ ชำรุดขาดบางส่วน เนื้อหายังพออ่านได้ แต่ไม่ปะติดปะต่อ