สมุดไทยขาวกล่าวถึงโรคและตำรับยาในการรักษาโรค อาทิ ยาบำรุงธาตุ ยาบำรุงเลือด ยาแก้สันนิบาต ยาทาองคสูตร ยาพอกองคสูตร ยามุตกิต ยาแก้ไข้ออกดำออกแดง ยาสังวาลย์พระอินทร์ ยามหาเมฆใหญ่ ยาแก้ไข้ลากสาด ยาแปรออกดำออกแดง ยาแก้ฟกบวม ยาแก้ฟองสมุทร ยามหาเมฆ ยามหานิล ยาแก้ประโดง ยาแก้ปากเปื่อย ยาแก้สลบ ยาแก้คัน ยาแก้คางแข็ง ยานัตถุ์ ยาสารีบาต ยาลมอัคมูขี ยาบรรลัยจักรใหญ่ ยาตานขโมย เป็นต้น
สมุดไทยขาว กล่าวถึงอาการของโรคและตำรับยาในการรักษาโรค อาทิ ยาแก้ลมซาง อาการซางทั้ง 7 วัน ยาแก้ซางตัวร้อน ยาเหลืองใหญ่ ยาเหลืองน้อย ยาตานขโมย ยาตรีผลาใหญ่ ยาทองเนื้องาม ยาแก้ลงท้อง ยารุซาง ยามหานิลใหญ่ ยาทองแนบเนื้อ ยาแดง ยามหาจักร ยาเหลือง ยาดำ ยาแดง ยาเขียว ยาหม้อใหญ่แก้คุณไสย ยาพอกแก้คุณผีคุณคน ยามหานิลน้อย ยาอุปทม เป็นต้น
สมุดไทยขาวมีหลายลายมือ เริ่มด้วยการกล่าวคาถาของฤาษีตาไฟ จากนั้นกล่าวถึงลักษณะไข้สามประการ จากนั้นกล่าวอาการของไข้ต่างๆ และยาสำหรับรักษาโรค เช่น ยาแก้ไข้สารพัดลม ยาปิดแผลทั้งปวง ยาทาแผล ยาพยาธิ ยาแก้ซาง เป็นต้น จากนั้นเป็นตำราโหราศาสตร์ เช่น การดูยามสามตา การดูวันดีวันร้าย เป็นต้น
ต้นฉบับเป็นสมุดไทยขาว เขียนด้วยอักรไทยและขอมไทย เนื้อหาส่วนใหญ๋เป็นตำรายากล่าวถึงแผนเส้น รูปผู้ชาย ส่วนหน้าปลายมีภาพแผนเส้น และตำราห่วง
มังคลัตถทีปนี (มังคละ+อัตถะ+ทีปนี) แปลว่า แสดงเนื้อความของมงคลสูตร บอกให้ทราบถึงสิ่งที่จะยังชีวิตคือสรีรยนต์นี้ให้ถึงความสมบูรณ์หรือถึงความยั่งยืน ตามแนวพระพุทธศาสนา มงคลสูตรเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยังไม่ทราบว่าอะไรแน่ที่เป็นมงคลชีวิต
คัมภีร์จูฬวรรค หรือ จูฬวรรค (คัมภีร์จุลวรรค หรือ จุลวรรค)จัดอยู่ในหมวดขันธกะ อันเป็นส่วนที่สองในพระวินัยปิฎก ส่วนใหญ่ในคัมภีร์จูฬวรรคภาคแรกเกี่ยวกับสังฆกรรมวิธีการลงนิคหกรรม, ปริวาสกรรม, และวิธีการระงับอธิกรณ์ มีเนื้อหาเกี่ยวสิกขาบทแต่เพียงเล็กน้อย โดยสิกขาบทในคัมภีร์จูฬวรรคไม่ได้จัดเป็นข้อห้ามตามสิกขาบทบัญญัติในพระปาติโมกข์ ดังนั้นพระสงฆ์ผู้ล่วงละเมิดข้อห้ามในคัมภีร์มหาวรรคก็ไม่ต้องอาบัติสูงสุดถึงปาราชิก โดยต้องเพียงอาบัติทุกกฎหรือถุลลัจจัย
สมุดไทยบันทึกตำราโหราศาสตร์ ทำนาย พยากรณ์ ต่าง ๆ เช่น ตำราทำนายฝัน, ตำราดูสัตว์ขึ้นเรือน, ตำราทำนายบุตรในครรภ์, ตำรานาคให้น้ำ, ตำราอุทิศฤกษ์, ตำราดูฤกษ์ดี-ร้าย, ตำราวัวสุภราช, ตำราดูเกณฑ์น้ำเกณฑ์ฝน, ตำราดูโชค, ตำราแม่โพสพ, ตำราดูพระเคราะห์เคลื่อน, ตำรานาควัน, ตำราผีหลวง , ตำรานาคดูของหาย, ตำรากรุงพาลี ตำราแรกนา ฯลฯ
พิธีกรรมนี้เกิดจากความเชื่อว่าเจ้าแม่โพสพตกใจขวัญหนืดอนที่ชาวนานวดข้าว ต้องใช้วัวควายย่ำฟ่อนข้าวเพื่อให้เมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวงข้าว หรือใช้ไม้พันกับฟ้อนข้าวแล้วฟาดลงไปบนลานข้าว เพื่อให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง ซึ่งเป็นการกระทำที่ทารุณต่อขวัญข้าว ฉะนั้นจึงต้องทำพิธีเรียกขวัญข้าวให้กลับมาอยู่กับเมล็ดข้าว หรือเพื่อเป็นการขอขมาเจ้าแม่โพสพ และร้องขอวิงวอนให้มาอยู่คุ้มครองเมล็ดข้าวเปลือกในยุ้งข้าวต่อไป คำสู่ขวัญบางสำนวนอาจจะกล่าวถึงเทพยดา ให้ช่วยมาคุ้มครองให้ข้าวในยุ้งเพิ่มพูนทวีขึ้นก็มี การกำหนดวันพิธี ไม่เคร่งครัดนัก แต่ชาวอีสานมีความเชื่อว่า วันอาทิตย์เป็นวันเกิดของเจ้าแม่โพสพ จึงมักจะประกอบพิธีทำขวัญยุ้งข้าวหรือ บุญข้าวขึ้นเล้า ในวันอาทิตย์ ส่วนสถานที่ทำพิธีนั้นมักจะทำที่ลานหน้ายุ้งฉางหรือในฉางข้าว ทะเบียนของหอจดหมายเหตุสาธารณสุขแห่งชาติ คือ (23) สบ. 23.1.4/36 นายทองอ่อน สิทธิไกรพงษ์ได้มอบให้หอจดหมายเหตุสาธารณสุขแห่งชาติเก็บรักษา ข้อมูลอ้างอิง “ข้าวขึ้นเล้า, บุญ.” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 2. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542: 502-503.
กล่าวถึงเรื่องดำเนินพระราม เทพจร ราหูจร และยันต์ต่างๆ เช่น กรเทพพระรำลึก ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์ลงผาประเจียด เป็นต้น