วัดท่าพูด ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรี เดิมชื่อว่า “วัดเจตภูต” โดยมีเรื่องเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันมาว่า มีพี่น้องสองคนนั่งอยู่ใกล้จอมปลวกใหญ่พอพี่ชายนอนหลับไป น้องชายมองเห็นตัวแมงดาวเรืองคลานออกมาจากจมูกของพี่ชายและมันก็คลานหายเข้าไปในจอมปลวก ต่อมาตัวเองก็นอนหลับไปเช่นกันและฝันไปว่ามีภูติมาบอกว่ามีทรัพย์สมบัติกองอยู่มากมายในภูเขา ขอให้ขุดเอามาขายเพื่อเอาเงินสร้างวัด พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาจึงเล่าเรื่องให้พี่ชายฟัง จากนั้นจึงได้ช่วยกันขุดดินหาสมบัติแต่ไม่พบ จึงได้หวนนึกถึงเรื่องที่ภูติมาบอกและตัวแมงดาวเรืองเดินเข้าไปในจอมปลวก จึงขุดค้นดูในจอมปลวกและได้ทรัพย์สมบัติมามากมายจึงเอามาขายเพื่อนำเงินมาสร้างวัดตามความฝันและได้เดินทางมาหาที่สำหรับสร้างวัด ได้พบกับทางสามแพร่งแห่งหนึ่ง มองดูเหมาะสมจึงได้สร้างวัดขึ้น ณ ที่แห่งนี้โดยให้ชื่อว่า “วัดเจตภูต” ต่อมาคำกร่อนเป็น “วัดตะพูด” และ “วัดท่าพูด” ตามลำดับ
แต่ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เกี่ยวกับชื่อวัดท่าพูด คือ ในอดีตบริเวณวัดมี “ต้นมะพูด” ขึ้นอยู่มากมาย ซึ่งผลของต้นมะพูดนั้นสามารถนำไปทำยาสมุนไพรได้ด้วย นอกจากนี้ ภายในวัดท่าพูดมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดท่าพูด ซึ่งเก็บโบราณวัตถุ รวมไปถึงเอกสารโบราณและจารึกด้วย
พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นชาวอินเดีย เกิดในตระกูลพราหมณ์ และได้ร่ำเรียนจนจบไตรเพทตามธรรมเนียมพราหมณ์ก่อนที่จะมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาโดยการชักจูงของพระเรวัตตะเถระ จากนั้นก็พากเพียรเรียนพระไตรปิฎกจนมีความรู้แตกฉาน ก็มีความคิดที่จะแต่งอรรถกถา แต่ในตอนนั้นที่อินเดียมีแต่บาลีพระไตรปิฎกเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางไปที่เกาะลังกาเพื่อแปลอรรถกาจากภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี และได้รจนาพระคัมภีร์วิสุทธิ-มรรคในขณะที่อยู่ลังกา
มหาเวสสันดร เป็นพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน กล่าวถึงการบำเพ็ญทานบารมี สมุดไทยมีลักษณะชำรุด ไม่ครบเล่ม
ตำรายาเกี่ยวกับโรคลม ในคัมภีร์ชวดาร เกี่ยวกับลมต่างในร่างกายที่ไหลหมุนเวียนอยู่ หากเกิดความผิดปกติกับลมดังกล่าวก็จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ซึ่งมีสูตรยาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคต่างๆ เหล่านั้นด้วย ท้ายเรื่องเป็นภาพยันต์ชนิดต่างๆ
ต้นสมุดกล่าวถึง ปีนักษัตร วันอุโบสถ กาลปักเขเดือนแรม ศุกรปักเขเดือนขึ้นเขียนด้วยอักษรไทย อักษรขอมไทย และอักษรขอมหวัด ต่อมากล่าวถึงการกำหนดอายุพุทธศาสนาในกัปนี้ของพระพุทธเจ้า จากนั้นเป็นพระปาฏิโมกข์เขียนด้วยอักษรขอมไทย