การระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้ใจสงบจากอกุศลธรรม เกิดความไม่ประมาท และไม่หวาดกลัว คิดเร่งขวนขวายบำเพ็ญกิจ และทำความดี
พระศรีอาริยเมตไตรยได้เสวยราชสมบัติ ในเมืองอินทปัตต์ ทรงพระนามว่าบรมสังขจักร มีแก้ว 7 ประการ พระเจ้าสังขจักรมีพระทัยปรารถนาว่า ผู้ใดมาบอกข่าวพระพุทธเจ้า พระองค์จะสละราชสมบัติพระราชทานให้แก่ผู้นั้น กุลบุตรเข็ญใจไปบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ในพระพุทธศาสนา แจ้งข่าวแก่เรื่องพระพุทธเจ้าจึงได้ครองเมืองอินทปัตต์สืบต่อจากพระเจ้าสังขจักร ส่วนพระองค์รีบรุดไปพบพระพุทธเจ้าด้วยพระบาทเปล่า เพียงวันเดียวพระบาทก็แตกตกโลหิต จากเดินเปลี่ยนค่อยๆ ใช้พระชงค์ค่อยเคลื่อไป พระองค์ไม่ย่อท้อต่อทุกขเวทนาด้วยความเพียรทำให้พระเจ้าสังขจักรได้พบพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรม แต่ฟังได้เพียงบทเดียวพระเจ้าสังขจักรก็ซาบซึ้งในรสพระธรรม และได้ถวายพระเศียรของพระองค์เป็นเครื่องพลีกรรม
กล่าวถึงตำราแรกนา นอกจากนี้ยังมีเรื่องดำเนินพระราม, เทพจร, กามจร, นาคสมพงษ์, กรุงพาลี, ทำนายต่างๆ เช่น ทำนายหนูร้อง ทำนายแมงมุมตีอก ทำนายหนูกัดผ้า ทำนายหนูกัดตัว เป็นต้น
พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นชาวอินเดีย เกิดในตระกูลพราหมณ์ และได้ร่ำเรียนจนจบไตรเพทตามธรรมเนียมพราหมณ์ก่อนที่จะมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาโดยการชักจูงของพระเรวัตตะเถระ จากนั้นก็พากเพียรเรียนพระไตรปิฎกจนมีความรู้แตกฉาน ก็มีความคิดที่จะแต่งอรรถกถา แต่ในตอนนั้นที่อินเดียมีแต่บาลีพระไตรปิฎกเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางไปที่เกาะลังกาเพื่อแปลอรรถกาจากภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี และได้รจนาพระคัมภีร์วิสุทธิ-มรรคในขณะที่อยู่ลังกา
สมุดไทยขาว เขียนด้วยอักษรไทย ภาษาไทย และอักษรขอมไทย ภาษาบาลีแทรกเล็กน้อย กล่าวถึงคัมภีร์รักษาโรคต่าง ๆ เช่น คัมภีร์อภัยสันตา คัมภีร์ปถมจินดา คัมภีร์อติสาร ซึ่งในหน้าต้นเขียนเป็นร้อยกรอง ตัวอย่างเช่น “อาทิดทรางไฟยสำคัน ทรางนำอรรยจรรณั ทรางแดงนันอังคาน อันพุดสกอเกอกาน ครุอนบนดานกำเนีดนัน ทรางฅาวี อันสุกทรางเสารี ทรางโจนนันนีมี กำเนีดประจำต่ามอรร” (อาทิตย์ซางไฟสำคัญ ซางน้ำอัศจรรย์ ซางแดงนั้นอังคาร อันพุธสกอเกอกาน ครุวันบนดานกำเนิดนั้น ซางคาวี อันศุกร์ซางเสาร์ ซางโจรนั้นนี้มี กำเนิดประจำตามวัน- ภาษาไทยปัจจุบัน) และ “จบคำพีนึง แต่เทานี จบเดือนสิบแรมสิบ 3 คำ วันอังคารตะวันบ่ายบ่อยนึง” (จบคัมภีร์นี้แต่เท่านี้ จบเดือนสิบ แรม 13 ค่ำ วันอังคารตะวันบ่ายบ่อยหนึ่ง-ภาษาไทยปัจจุบัน) จากนั้นเป็นข้อความร้อยแก้ว "๏ นาตำกำพีขาวดีงเกสาแล" (หน้าต้น คัมภีร์ขาวดึงเกสาแล-ภาษาไทยปัจจุบัน)