พระเวสสันดรพร้อมด้วยพระนางมัทรี ชาลี และกัณหา เดินทางถึงนครเจตราชจึงแวะเข้าประทับพักที่ศาลา พระกษัตริย์ผู้ครองนครเจตราชจึงทูลเสด็จครองเมือง แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธ และเมื่อเสด็จถึงเขาวงกตได้พบศาลาอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมเนรมิตตามพระบัญชาของท้าวสักกะเทวราช กษัตริย์ทั้งสี่จึงทรงผนววชเป็นฤๅษีพำนักในอาศรมสืบมา
พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญวัยได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสญชัย แห่งสีวิรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร” ในวันที่ประสูตินั้นได้มีช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกขาวบริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค” เมื่อพระเวสสันดรเจริญชนมมายุ 16 พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษกกับนางมัทรี มีพระโอรสชื่อ ชาลี ราชธิดา ชื่อ กัณหา พระองค์ได้สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อพระเจ้ากาลิงคะแห่งนครกาลิงครัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาค พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาคแก่พระเจ้ากาลิงคะ ชาวเมืองพากันโกรธเคืองจึงเนรเทศพระเวสสันดรออกนอกพระนคร
ภูริทัตตนาคราชไปจำศีลอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ยอมอดทนให้หมองูจับไปทรมานต่าง ๆ ทั้งที่สามารถจะทำลายหมองูได้ด้วยฤทธิ์ มีใจมั่นต่อศีลของตน ในที่สุดก็ได้อิสรภาพ
เนมิราชกุมารได้ขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา ทรงบำเพ็ญคุณงามความดี เมื่อทรงพระชราก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส เสด็จออกผนวชเช่นเดียวกับที่พระราชบิดาของพระองค์เคยทรงบำเพ็ญมา
หนังสือสมุดไทยขาว บันทึกด้วยอักษรมอญ ภาษมอญ และภาษาบาลี เรื่องเกี่ยวกับพระอภิธรรม ด้านหน้าเขียนเป็นอักษรไทยภาษาไทยว่า พระอภิธรรม ฉบับรามัญ
หนังสือสมุดไทยขาวบันทึกเรื่องเกี่ยวกับตำราโหราศาสตร์ ด้านในมีภาพวงดวงชาตา เอกสารเขียนด้วยอักษรมอญ ภาษามอญ
หนังสือสมุดไทยขาว หน้าปกด้านเขียนด้วยอักษรมอญว่า อภิธมฺมา ด้านในเขียนว่า สมบัติของวัดเจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
หนังสือสมุดไทยบันทึกตำราหมวดหมู่โหราศาสตร์ บันทึกด้วยอักษรมอญ และภาษามอญ
สมุดไทยขาวเล่มนี้ เป็นตำราโหราศาสตร์ เขียนด้วยอักษรมอญ ภาษามอญ และภาพยันต์เล็กน้อย หน้าสุดท้ายมีอักษรภาษาไทย “บวกอายุผู้ดูแล้วเอา 8 หาร”