สุภาษิตสอนสตรีนี้เดิมเรียกกันว่า “สุภาษิตสอนหญิง” หรือ “สุภาษิตไทย” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายว่า “สุนทรภู่เห็นจะแต่งเมื่อราวระหว่างปี พ.ศ. 2340-2383 ในเวลา เมื่อกลับสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์ แล้วต้องตกยากจนถึงลอยเรืออยู่ พิเคราะห์ตามสำนวนดูเหมือนหนังสือเรื่องนี้สุนทรภู่แต่งขายเป็นสุภาษิตสอนสตรีสามัญทั่วไป ความไม่บ่งว่าแต่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ ต้นฉบับเดิมที่หอพระสมุดฯ ได้มาเรียกว่า สุภาษิตไทย เป็นคำสมมติผู้อื่น ดูเหมือนผู้สมมติจะไม่รู้ว่าเป็นกลอนของสุนทรภู่ด้วยซ้ำไป ถ้อยคำในต้นฉบับก็วิปลาสคลาดเคลื่อน ต้องซ่อมแซมในหอพระสมุดฯ หลายแห่ง แต่นับว่าแต่งดีน่าอ่าน” (กรมศิลปากร, ประชุมสุภาษิตสอนหญิง, เอดัน เพรส โพรดักส์ จำกัด, 2555, 159.)
สมุดไทยขาวเขียนด้วยอักษรขอมไทยเป็นภาษาบาลี คาถาต่างๆ ดังนี้ พระอภิธรรม พระหัสนัย์ พระวินัย พระสูตร มหาโมคคัลานเถรโพชฌงค์ มหาจุนทะเถรโพชฌงค์ พระกิริยานันทสูตร พระมหาสมัย ในตอนท้ายได้ระบุชื่อคนทำคัมภีร์ว่าชื่อ “พูน” โดยบอกว่าจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนพระคุณบิดา มารดา และพระคุณผัวที่ได้รักษาตัวเอง ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่า “พูน” เป็นสตรี และในอดีตสตรีจะไม่ได้รับการสอนให้เขียนหนังสือ ดังนั้น “พูน” น่าจะเป็นศรัทธาว่าจ้างให้คนเขียนคัมภีร์นี้ขึ้นมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาทดแทนคุณบิดา มารดา และสามี
ตำราเล่มนี้ประกอบด้วย พระคาถาพุทธนิมิต การเรียนคาถาพุทธนิมิต ยันต์ต่างๆ เช่น ยันต์แม่หินลูกหิน การทำลูกประคำ ยันต์ตะกรุด ยันต์ลงแหวนพิรอด ยันต์จักรพรรตราพญายันต์ ยันต์ทำไส้เทียน ยันต์ลงผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบันทึกตำรับยาด้วยดินสอได้แก่ ยาแก้รากสาดสันนิบาตสองคลอง ยาต้มหม้อใหญ่ ยาคุดทะราด ยาตัดคุดทะราด
ท้าวลินทอง เป็นการตั้งชื่อเรื่องจากตัวละครเอกที่ชื่อ “ลินทอง” เพื่อสอดคล้องกับตัวละครเอกที่ในอดีตชาติ “ลินทอง” เป็นพระโพธิ์สัตว์กลับชาติมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง ลินทอง เป็นวรรณกรรมศาสนา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ เรื่องการทูต หรือเรื่องคารมเสน่หา จนในปัจจุบันผู้คนนิยมเอาคาถาลินทองไปเจรจาธุรกิจ หรือเอาไปใช้ในการจีบผู้หญิง
พระสูตร คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่แสดงในเรื่องของสัตว์ บุคคล ที่แสดงกับบุคคลต่างๆ ในสถานที่ต่างๆ ซึ่ง พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งเริ่มจากการที่พระเถระในอดีต ผู้มีปัญญามาก มีท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์ ท่านพระอุบาลี รวบรวม ด้วยการทรงจำไว้ด้วยปัญญาอย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องจดบันทึก จึงไม่ได้มีพระสูตรเล่มอื่นๆ ขึ้นมาอีก
ตอนต้นเป็นเรื่องพระอภิธรรม เขียนด้วยอักษรขอมไทย ต่อมาเป็นตารางการดูฤกษ์ต่างๆ ทางโหราศาสตร์
ในหน้าปลายเขียนว่า ตำรายาสมีอินสร้างไว้ในพระศาสนา กล่าวถึง โรคซางเจ็ดจำพวก ซางเด็ก ยากวาดซางแบบต่างๆ และยาสมุนไพรอื่นๆ
ตำราโหราศาสตร์เล่มนี้กล่าวถึง ราหูจร ยามพระราม(เดินทาง) การปลูกเรือน การตัดเล็บ การดูปลวกขึ้นเรือน การฟังเสียงฟ้าร้อง ฯลฯ
ตอนแรกเป็นโองการอัญเชิญเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ต่อมาเป็นคาถาอาคม เสกผงและเทียน ด้านท้ายมีภาพยันต์