ตามประวัติของวัดบางช้างใต้ได้กล่าวไว้ว่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2335 ในแผ่นดินรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ต่อมาในปี พ.ศ. 2400 ทางวัดได้สร้างพระอุโบสถหลังที่ 2 ขึ้นมาใหม่แทนหลังแรกซึ่งถูกไฟไหม้ และได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปจากวัดเก่าแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาด้วยเรือพายม้า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมีนามว่าหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ประทับนั่งอยู่ในปางสมาธิ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่บนบุษบกภายในอุโบสถหลังที่ 3 ซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 หรืออุโบสถหลังปัจจุบัน
วัดบางช้างใต้เดิมชื่อ “วัดบางช้าง” พระเถระที่มีชื่อเสียงของวัดบางช้างใต้นี้ ได้แก่ พระครูวินัยธร (ใย กิตฺติธโร) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 6 หลักฐานเหล่านี้ได้บันทึกไว้ในหนังสือทางประวัติศาสตร์ชื่อ วัฒนธรรมสามพราน วัดบางช้างใต้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2479 ปัจจุบันมีพระครูอรุณธรรมวิสุทธิ์ เป็นเจ้าอาวาส
ตำรารวบรวมคาถาอาคมต่างๆ เช่น คาถาปลุกอาวุธ คาถาห้ามลม คาถานอนกลางป่า คาถาเสกน้ำมันเดือด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรูปยันต์ต่างๆ เช่น ยันต์ตะกรุดดอกเดียว ยันต์ลงผ้าเช็ดหน้า ยันต์ลงผ้าประเจียด ยันต์ใส่ถุงเงิน ยันต์นางกวัก ฯลฯ
ตอนต้นเป็นเรื่องพระอภิธรรม เขียนด้วยอักษรขอมไทย ต่อมาเป็นตารางการดูฤกษ์ต่างๆ ทางโหราศาสตร์
ตำราเรียนภาษาบาลี กล่าวถึงการเรียกชื่อตัวเลข เช่น 1 คือ ปถม 2 คือ ทุติย เป็นต้น กล่าวถึงวิภัตติแปดหมู่ มีตารางการแจกวิภัตติปัจจัย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปคำในประโยค เพื่อแสดงเพศ พจน์ การก บุรุษ กาล วาจก มาลา ฯลฯ
พระสูตร คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่แสดงในเรื่องของสัตว์ บุคคล ที่แสดงกับบุคคลต่างๆ ในสถานที่ต่างๆ ซึ่ง พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งเริ่มจากการที่พระเถระในอดีต ผู้มีปัญญามาก มีท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์ ท่านพระอุบาลี รวบรวม ด้วยการทรงจำไว้ด้วยปัญญาอย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องจดบันทึก จึงไม่ได้มีพระสูตรเล่มอื่นๆ ขึ้นมาอีก