วัดใหม่นครบาล ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ตั้งขึ้นจากการขยายตัวของชุมชน 2 หมู่บ้านได้แก่ ชุมชนบ้านนครบาลและชุมชนบ้านใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนชาวไทยยวนที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 โดยแต่เดิมเป็นชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อชุมชนบริเวณดังกล่าวหนาแน่นมากขึ้น จึงได้ย้ายมาตั้งบ้านเรือนตั้งรกรากที่บริเวณเมืองราชบุรี อยู่รวมกันเป็นชุมชนชาวไทยยวนขนาดใหญ่ในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณคูบัว เอกสารโบราณของวัดถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีภายในตู้จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ของวัด เอกสารโบราณดังกล่าวท่านพระครูพัฒนกิจสุนทรได้รวบรวมมาจากวัดในพื้นที่ตำบลใกล้เคียงที่ไม่สามารถดูแลรักษาไว้ได้หรือไม่ให้ความสำคัญต่อเอกสารโบราณ รวมถึงโบราณวัตถุต่างๆ ด้วย จากการสำรวจพบว่า เอกสารโบราณประเภทใบลานบางส่วนได้รับการจัดทำทะเบียนโดยกลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติไว้แล้ว
ท่านพระครูพัฒนกิจสุนทร (สังข์ ชิตมาโร) อดีตเจ้าวัดใหม่นครบาล ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ท่านมีเชื้อสายชาวไทยยวน เป็นพระสงฆ์ 1 ในจำนวน 2 รูป ของชุมชนชาวไทยยวนคูบัว ที่ยังคงสวดมนต์และประกอบพิธีแบบไทยวนอยู่ อีกท่านหนึ่งคือท่านพระครูวินัยธร โชติโย เจ้าอาวาสวัดทุ่งหญ้าคมบาง พระครูพัฒนกิจสุนทร หรือหลวงพ่อสังข์ ท่านได้เก็บรวบรวมโบราณวัตถุรวมถึงเอกสารโบราณมาจากวัดต่างๆ ภายในเขตชุมชนไทยยวน โดยมีความมุ่งหวังตั้งใจที่จะสืบสานศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิปัญญาทางด้านอักษรและภาษาไทยวน ให้อยู่คู่ชุมชน เพื่อที่จะรักษาไว้ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาของแผ่นดินสืบไป แต่ขาดองค์ความรู้ด้านการจัดการพิพิธภัณฑ์และงบประมาณสนับสนุน เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าแก่ผู้ที่สนใจ โดยมีความมุ่งหวังที่จะให้พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกฝังจิตสำนึกรักท้องถิ่นให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นสืบไป
เอกสารโบราณที่รวบรวมไว้มีทั้งที่เป็นอักษรไทย อักษรขอมไทย อักษรธรรมล้านนา อักษรธรรมอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกบันทึกด้วยอักษรธรรมล้านนา เป็นที่น่าสนใจที่ศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบอักษรและอักขรวิธีของอักษรธรรมล้านนา รวมถึงการศึกษาทางด้านคติชนวิทยา มานุษยวิทยา สังคมวิทยา และพุทธศาสนา กับเอกสารโบราณของพื้นที่เขตวัฒนธรรมล้านนา อันจะช่วยให้เห็นความแตกต่างหลากหลายกลุ่มชนที่อยู่อาศัยในสภาวะแวดล้อมต่างกันได้เป็นอย่างดี
มัดรวมกันอยู่ใน “เลขที่ ๔๓ บัวรมบัวรอย นกแลฅำ อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับล่องชาด ทองทึบ ๘ ผูก หน้าทับเค้า ระบุ “หน้าทับเค้าบัวรมบัวเรียวบัวรอง ผูกถ้วน ๓ ก็แล้วก็หมด ::๛”, มีรอยจารอักษรธรรมล้านนาขึ้นใหม่ “ของอาสา” และเขียนอักษรไทยด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน “นกแลคำ ผูก ๓” ท้ายลาน ระบุ “กิริยาอันสังวรรณนาจาแห่งห้อง เต ปทุมา บัวรมบัวเรียวบัวรอง ผูกถ้วน ๓ ก็เท่านี้ก่อนแล ๛ จบในเพล ๛” มีรอยแก้ไขด้วยดินสอดำ
พระมาลัยเป็นพระอรหันต์จากลังกา เป็นพระที่ได้บรรลุอิทธิวิธี คือสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ด้วยอานิสงส์จากการถวายทานและปฏิบัติฌานสมาบัติ พระมาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีฤทธิ์รองลงมาจากพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งได้รับยกย่องในเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์มาก เรื่องพระมาลัยเป็นตำนานเล่าขานในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาแบบเถรวาททั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและในประเทศลาว ในเรื่องเล่าว่าพระมาลัยได้ลงไปในนรกและได้ไปสอนธรรมโปรดชาวนรก ท่านได้ไปรู้ไปเห็นว่าสัตว์นรกถูกลงโทษตามผลกรรมตามนรกขุมต่าง ๆ อย่างไร
มัดรวมกันอยู่ใน “เลขที่ ๔๒ โชติกเสรฏฐี อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับทองทึบ ๓ ผูก” มีไม้บัญชักทำด้วยไม้ไผ่ เขียนอักษรไทยด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน “โชติกะเศรษฐี มี ๔ ผูก” ลานหน้าสุดท้าย ระบุ “กล่าวยังธนัญไชยเสฏฐี ผูกถ้วน ๔ ก็บอระมวลควรแก่กาลเท่านี้ก่อนแล ๛ รัสสภิกขุนวร เขียนแล้ว เตชะนาบุญ อย่าคลาดแคล้วเหยหาย นาบุญจุ่งผายแผ่ไปรอดพ่อแม่วงศา ทั้งอาวอาป้าปู่ครูบาอาจารย์หมู่พี่น้อง นาบุญจุ่งผายสอดไปรอดท้าวองค์อินทา ขอจุ่งเป็นสักขีพิงต่างตอ เมื่อมูลศรัทธาสร้างก่อสมภารบุญติดตามกำเนิด ครั้นได้เกิดแดนใดบุญเลื่อมใสไหลติดต่อไปหุ้มห่อกายาดับเสียยังโรคาเจ็บหูตาเมื่อยไข้ อย่ามีเป็นหิดเป็นฝี ปวดคู่ขยี่ไอ อันใดบ่เพิงใจ อย่าได้มาพาล ขออยู่สุขสำราญเที่ยงเท่า อย่าได้โศกเศร้าด้วยรังสีหางตาดีใสส่อง คิ้วค้อมก้องตาเขียว นิ้วมือเถียวรอดเหมือนดังขูดขัดเหลา แอวกลมเลากำรวม เป็นที่ครอบเมตตา คำมักคำปรารถนามีดังนี้แล้ว บารมีแก้ว หากบอระมวล นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ เม ๛”
หน้าต้น ใช้ใบเศษ ระบุ “มหาสัต[ถา]เจ้าก็เทศนาธรรมด้วยอากรเป็นดั่งพระพุทธเจ้าเทศนานั้นก็กล่าวว่า” เขียนอักษรไทย ด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน “หมูเถือนผูกเดียว” ลานแรก หัวลาน ระบุ “หนังสือหมูเถื่อน ผูกเดียว”