ว่าด้วยเรื่อง ยามพระราม ตำราห่วง เทพจร นาคสมพงษ์ เป็นต้น
ตำรายาแก้โรคลมต่างๆ เช่น ยาแก้ลม 15 ประการ ยาแก้ลม 16 จำพวก ยาแก้ลมอัมพฤก อัมพาต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีตำรับยาแก้โรคอื่นๆ เช่น ยาต้มตัดไข้ ยาต้มแก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต ตำรายาพระเจ้าหงสา ยาเหลืองใหญ่ ยาแดงใหญ่ ยาต้มกระทุ้งธาตุทั้ง 4 ยาขับเลือด ยาละลายเลือด ฯลฯ
หน้าปกสมุดไทยเขียนว่า "ขอให้แพทย์ พิจารณาสรรพคุณ" ด้านในเขียนเรื่องสรรพคุณของสมุนไพรชื่อ "เชือกเขามวก" มีสรรพคุณแก้โรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งคุด มะเร็งชอน ปวดท้อง เป็นตะคริว ริดสีดวง หรือช้างม้าวัวควาย เป็นขี้เรื้อน กลากเกลื้อน ให้ฝนกับน้ำผักโหมทั้งกินทั้งทา นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในเชิงไสยด้วยเช่น การเข้าหาขุนนางให้นำเชือกขามวกมาทำเป็นประคำคาดเอว หรือต้องไปรบทัพจับศึกก็ใช้ได้เช่นกัน รวมไปถึงพระคาถาที่ใช้เสกเชือกเขามวกด้วย
ตำราวิธีการคิดคำนวณหน้าที่นา หรือสวน มีรูปภาพประกอบ มีตำรับยาต้มแก้กล่อน ยาแก้ซาง ยาแก้สันนิบาตสองคลอง เขียนด้วยดินสอ (*น่าสังเกตว่าสมุดไทยเล่มนี้จะเป็นเล่มเดียวกับ NPT006-012 ตำราคณิตศาสตร์ แต่ขาดออกจากกัน เนื่องจากลายมือการเขียนตำราคณิตศาสตร์ และตำรับยาด้านหลังค่อนข้างจะเหมือนกัน)
ตอนต้นเป็นภาพยันต์ และคาถาอาคมต่างๆ ตอนท้ายเขียนด้วยดินสอ เกี่ยวกับกฏหมายลักษณะอุทธรณ์ 12 ประการ อุตริอุทธรณ์ 21 ประการ ลักษณะนานาอุทธรณ์ 22 ประการ ลักษณะอาสาชนะอุทธรณ์ 5 ประการ ลักษณะตัดฟ้อง 20 ประการ ลักษณะตัดสำนวน 10 ประการ
ตอนต้นเป็นตำรับยาแก้ลมต่างๆ เช่น ยาลมปะกัง ยาลมเสลด ยาแก้ลมพรรดึก นอกจากนี้มียาบำรุงโลหิต ยาต้มสันนิบาต ยาพอกฝี ฯลฯ ตอนท้ายเป็นเรื่อง "แม่ซื้อ" ซึ่งเป็นคติความเชื่อเกี่ยวกับเด็กแรกเกิด อยู่ในคัมภีร์ปฐมจินดา
ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่เหนือพระแท่นศิลาอาสน์ภาย ใต้ต้นปาริกชาติ ณ ดาวดึงสพิภพ ตรัสพระสัทธรรม เทศนา อภิธรรม 7 คัมภีร์ โปรดพุทธมารดา ท้าวอมรินทร์ได้พาสุปติฏฐิตาเทพบุตรที่เศร้าโศกเนื่องจากต้องจุติจากสวรรค์ไป ดังนั้นท้าวอมรินทร์จึงกราบ ทูลให้พระองค์ทรงแสดงพระสัจธรรมเทศนาอันจะเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลก ช่วยชีวิตเทพบุตรองค์นี้ไว้ไม่ให้ตายลงภายใน 7 วันนี้ สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสเทศนาคาถาอุณหิสสวิชัย เทวเต ดูกรเทวดาทั้งหลาย พระธรรมนี้ชื่อว่าอุณหิสสวิชัย เป็นยอดแห่งพระธรรมทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งมวล ท่านจงเอาพระธรรมนี้เป็นที่พึ่ง อุตสาห์สวดบ่นสาธยายทุกเช้าค่ำ ย่อมห้ามเสียซึ่งภัยทั้งปวง อันจะเกิดขึ้นจากผีปิศาจหมู่พยัคฆะงูใหญ่น้อย และพญาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายจะไม่ ตาย ผู้ใดได้เขียนไว้ก็ดี ได้ฟังก็ดี ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ทุกวันก็ดี จะมีอายุยืน เทวเต ดูกรเทวดา ทั้งหลายท่านจงมีความสุขเถิด
ในสมัยหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฎบรรพตคีรี ใกล้ราชธานีราชคฤห์มหานคร ทรงแสดงอาการวัตตาสูตร กำหนดด้วยวรรค ๕ วรรค มีนวราทิคุณวรรค เป็นต้น จนถึงปารมีทัตตะวรรค เป็นคำรบ ๕ คาถาอาการวัตตาสูตรนี้ มีอานุภาพยิ่งกว่าสูตรอื่นๆ ในการที่ป้องกันภัยอันตรายแก่ผู้มาตามระลึกอยู่เนืองนิตย์ บาปกรรมทั้งปวงจะไม่ได้ช่องหยั่งลงสู่สันดานได้ด้วยอำนาจอาการวัตตาสูตรนี้ ปกลานจารเป็นอักษรขอมและอักษรไทยว่า “พระพุทธศักราชล่วงแล้วได้ 2458 พรรษา ข้าฯ แม่อิ่ม มีใจศรัทธาสร้างหนังสือนี้ ไว้ในพระพุทธศาสนา ขอให้สำเร็จแก่พระนิพพาน ในอนาคตกาลโน้นเทอญ”
พระยมกปกรณ์ ผูก ๖ ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ๆ พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระอภิธรรมนี้ในพรรษาที่ ๗ นับจากตรัสรู้ ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์เสด็จไปประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต พระอินทร์ทราบจึงรีบเสด็จไปยังภพดุสิตอันเป็นที่สถิตของพระสิริมหามายาแล้วกราบทูล พระสิริมหามายาทรงสดับและทรงโสมนัสจึงเสด็จจากภพดุสิตไปภพดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาตรัสเชิญพระสิริมหามายาพุทธมารดาให้เข้าไปใกล้ ให้เป็นประธานแก่เทพยดาทั้งหลาย แล้วจึงโปรดประทานพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตามลำดับจนครบสามเดือน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ พระอภิธรรมนี้ ชาวพุทธถือว่าออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงเทศนาโปรดเทพยดามีพระพุทธมารดาเป็นประธานเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา