สมุดไทยบันทึกตำราต่าง ๆ เกี่ยวกับโหราศาสตร์ ตำราดูเคราะห์ปี, กามจร, ตำราตัดผ้านุ่ง, ตำราดูหนัง-กระดูก ตามปีนักษัตร ฯลฯ
สวัสดิรักษาคำกลอน แต่งโดยสุนทรภู่ ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นคำสอนชายไทยชั้นสูง ให้แนวทางประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันและในการรบ ทั้งที่เป็นข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ ทั้งการปฏิบัติต่อตนเองและการมี ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แนวทางปฏิบัติทุกประการล้วนมุ่งรักษา “สิริ” อันจะทำให้เกิดสวัสดิมงคลแก่ตนเอง เพื่อให้ประสบแต่สิ่งดีงามและส่งผลสู่เชื้อสายวงศ์ตระกูลอีกด้วย คำสอนนั้นเริ่มตั้งแต่การปฏิบัติตนเมื่อตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งเข้านอนโดยมุ่งหวังให้เกิดสิริมงคลด้วยการปฏิบัติตนในแต่ละวัน ตามลำดับกาลเทศะและเหตุการณ์อย่างเหมาะสม เช่น เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ต้องไม่โกรธ ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้ เสกน้ำด้วยพระธรรมคาถา รำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วจึงล้างหน้าโดยเริ่มกล่าววาจาที่ดีก่อนก็จะบังเกิดความยั่งยืนเพิ่มพูนศักดิ์ศรีอันประเสริฐเพราะยามเช้าราศีสถิตอยู่ที่ใบหน้า เวลากลางวันนั้นราศีสถิตที่ลำตัวให้อาบน้ำและประพรมด้วยน้ำหอมที่อกก็จะมีสุขสำราญไร้โรค ส่วนในเวลาค่ำนั้นราศีสถิตที่เท้าจึงควรล้างเท้าทั้งสองให้สะอาดและห้ามมิให้สตรีข้ามเท้า เวลากินอาหารให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะทำให้มีอำนาจและอายุยืน หากหันหน้าไปทางทิศใต้ จะมีคนรักใคร่ไปมาหาสู่มิได้ขาด ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกจะมีความสุขและมียศ ความทุกข์จะบรรเทาลง ห้ามหันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่ร้าย จะทำให้ถึงสิ้นชีวิตหรือทำให้อายุสั้นลง ข้อมูลจากฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=245
ตำรายาบันทึกตำรับยาโบราณต่าง ๆ และภาพยันต์ ไสยศาสตร์
สมุดภาพลายไทยต่าง ๆ ภาพสัตว์หิมพานต์ ลายแทงหยวก ฯลฯ
สมุดภาพลายไทยต่าง ๆ ภาพสัตว์หิมพานต์ ลายแทงหยวก ฯลฯ
สมุดไทยบันทึกตำราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ ตำราห่วงดูฤกษ์, ตำราดิถีทั้ง 5, ตำราหัวเรียงหมอน ฯลฯ
สมุดไทยบันทึกเรื่องธรรมคดี และตำราไสยศาสตร์ มีชื่อในสมุดว่า “หนังสือบอกวัด”
พระเจ้ากรุงสญชัยใช้เวลา 1 เดือน กับ 23 วัน จึงเดินถึงเขาวงกต เสียงโห่ร้องของเหล่าทหาร ทำให้พระเวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมารบบนนครสีพี จึงชวนนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขาพระนางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดา ได้ทรงตรัสทูลพระเวสสันดรและเมื่อหกกษัตริย์ได้พบหน้ากันทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่นครืน ท้าวสักกะเทวราชจึงได้ทรงบันดาลให้ฝนตกประพรมหกกษัตริย์และหวยหาญได้หายเศร้าโศก
พระนางมัทรีเดินเข้าไปหาผลไม้ในป่าลึกจนคล้อยเย็นจึงเดินทางกลับอาศรม แต่มีเทวดาแปลงกายเป็นเสือนอนขวางทางจนค่ำ เมื่อกลับถึงอาศรมไม่พบโอรส พระเวสสันดรได้กล่าวว่านางนอกใจ จึงออกเที่ยวหาโอรสและกลับมาสิ้นสติต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงตกพระทัยลืมตนว่าเป็นดาบส จึงทรงเข้าอุ้มพระนางมัทรีและทรงกันแสง เมื่อนางมัทรีฟื้นจึงถวายบังคมประทานโทษพระเวสสันดรจึงบอกความจริงว่าได้ประทานโอรสแก่ชูชกแล้ว หากชีวิตไม่สิ้นคงจะได้พบนางจึงได้ทรงอนุโมทนา