ตำรายากล่าวถึงสัดส่วนยาในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ยาแก้ไข้เหนือ ยาแก้ไข้จุกเสียด ยาแก้ไข้สันนิบาต ยาแก้บิด ยาพ่นแก้คลั่ง ยาจุดกาฬ ยามหาคงคา ยาแก้สิงคลี เป็นต้น
กล่าวถึงเรื่องดำเนินพระราม เทพจร ราหูจร และยันต์ต่างๆ เช่น กรเทพพระรำลึก ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์ลงผาประเจียด เป็นต้น
พระมาลัยเป็นพระอรหันต์จากลังกา เป็นพระที่ได้บรรลุอิทธิวิธี คือสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ด้วยอานิสงส์จากการถวายทานและปฏิบัติฌานสมาบัติ พระมาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีฤทธิ์รองลงมาจากพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งได้รับยกย่องในเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์มาก เรื่องพระมาลัยเป็นตำนานเล่าขานในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาแบบเถรวาททั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและในประเทศลาว ในเรื่องเล่าว่าพระมาลัยได้ลงไปในนรกและได้ไปสอนธรรมโปรดชาวนรก ท่านได้ไปรู้ไปเห็นว่าสัตว์นรกถูกลงโทษตามผลกรรมตามนรกขุมต่าง ๆ อย่างไร
ตำรายาแก้โรคฝีดาษ ยาแก้โรคซาง แก้โรคตานขโมย ยาพอกฝี ยาเขียวสรรพคุณ
ธรรมะซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแผ่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับความจริงตามธรรมชาติของทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นแต่เริ่มสืบทอดกันด้วยวิธีท่องจำแบบปากต่อปาก ต่อมาจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
หน้าต้น กล่าวถึง โจทย์เลขคณิตสอนวิธี บวก ลบ คูณ หาร เขียนด้วยหมึกดำลายมือเป็นระเบียบสวยงาม หน้าปลาย เป็นตำรายา กล่าวถึงโรคและสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคนั้นๆ
มัดรวมกันอยู่ใน “เลขที่ ๔๓ บัวรมบัวรอย นกแลฅำ อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับล่องชาด ทองทึบ ๘ ผูก ลานแรก ระบุ “นกแรฅำ ผูกปลาย” ท้ายลาน ระบุ “กิริยาสังวรรณนา เต ปทุมชาดก ยกแต่เค้าเถิงปลาย ก็สมเร็จเสด็จแล้วเท่านี้ก่อนแล || เสด็จแล้ววัน ๗ เดือน ๑ ใต้ เดือน ๑๐ เหนือ แรมสี่ค่ำ ข้าเขียนบ่งามสักน้อย เหมือนไก่เขี่ยหัวมอง ศรัทธานางเมาหาโปฏกยังใบลานมา ข้าชื่อว่า หนานมูร” ผู้จารเป็นคนเดียวกันกับ RBR003-126 มีรอยแก้ไขด้วยดินสอดำ
ไชยเชษฐ์ เป็น นิทานพื้นบ้าน สมัย กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี มีผู้นำนิทานเรื่องนี้มาเล่นเป็นละครเพราะเป็นเรื่องสนุก ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงนำนิทาน เรื่องไชยเชษฐ์มาพระราชนิพนธ์เป็นบทละครนอก เดิมละครนอกเป็นละครที่ราษฎรเล่นกัน
พระสูตร คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่แสดงในเรื่องของสัตว์ บุคคล ที่แสดงกับบุคคลต่างๆ ในสถานที่ต่างๆ ซึ่ง พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งเริ่มจากการที่พระเถระในอดีต ผู้มีปัญญามาก มีท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์ ท่านพระอุบาลี รวบรวม ด้วยการทรงจำไว้ด้วยปัญญาอย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องจดบันทึก จึงไม่ได้มีพระสูตรเล่มอื่นๆ ขึ้นมาอีก