วัดท่าข้าม เดิมชื่อ “วัดปากลัดท่าคา” มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า มีนายพราน 3 คน ไล่ตามคล้อง ช้างหัวเสือ (บริเวณตําบลบางช้างในปัจจุบัน) นายพรานทั้ง 3 ได้เดินมาถึงวัดท่าข้าม และข้ามแม่น้ำนครชัย ศรีไป เพื่อไปคล้องช้าง ชาวบ้านเรียกสืบต่อกันมาว่า “ท่าข้าม” และเรียกชื่อวัดว่า “วัดท่าข้าม” ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว โดยตําบลที่นายพรานทั้ง 3 ข้ามแม่น้ำไปจึงถูกเรียกว่า “ตําบลสามพราน” (ข้อมูลจาก หนังสือ “วัดท่าข้าม ทางดี”, ที่ระลึกในงานฉลองสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่ พระครูเกษมธรรมรักษ์ (หลวงพ่อยะ เขมปาโล) วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2530) สหายการพิมพ์ : กาญจนบุรี, 2530.)
คณะทํางานเข้าสํารวจเอกสารโบราณ ณ วัดท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม ทราบจากพระลูกวัดว่า พระมงคลสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสอาพาธและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้แนะนําให้เข้าพบกับพระมหาองอาจ ญาณวีโร รักษาการเจ้าอาวาส เพื่อสอบถามถึงเอกสารโบราณของทางวัด ท่านพระมหาองอาจให้ข้อมูลว่า เอกสารโบราณบางส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้ไปพร้อมศาลา บางส่วนที่เหลือรอดมาก็ถูกน้ำท่วม เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ เอกสารโบราณเหล่านี้แช่อยู่ในน้ำ ท่านพระมหาองอาจได้เก็บรวมรวมมาไว้ได้เพียงบางส่วน
เถรีคาถา เป็นภาษิตทางธรรม มีคติเตือนใจของพระเถรี (นางภิกษุณีผู้เป็นเถรี) รวม 73 รูป เช่น ภาษิตของพระนางปุณณาเถรี “ดูก่อนปุณณา ! เธอจงเต็มไปด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนดวงจันทร์วัน ขึ้น 15 ค่ำ จงทำลายกองแห่งความมืดด้วยปัญญาอันบริบูรณ์” ภาษิตของพระนางติสสาเถรี “ดูก่อนติสสา ! เธอจงศึกษาตามข้อที่ควรศึกษา กิเลสเครื่องผูกมัดอย่าก้าวล่วง (เอาชนะ) เธอได้ เธอจงเปลื้องตน จากเครื่องผูกมัดทั้งปวง ไม่มีอาสวะ (กิเลสที่ดองสันดาน) เที่ยวไปในโลก. ” ข้อมูลจาก http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/k18.html https://www.baanjomyut.com/pratripidok/prasudtanpidok/1805.html
กัณฑ์ทานกัณฑ์ เป็น กัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงแจกมหาสัตสดกทาน คือ การแจกทานครั้งยิ่งใหญ่ ก่อนที่พระเวสสันดรพร้อมด้วยพระนางมัทรี ชาลีและกัณหาออกจากพระนคร จึงทูลขอพระราชทานโอกาสบำเพ็ญมหาสัตสดกทาน คือ การให้ทานครั้งยิ่งใหญ่ อันได้แก่ ช้าง ม้า โคนม นารี ทาสี ทาสา สรรพวัตถาภรณ์ต่างๆ รวมทั้งสุราบานอย่างละ 700 --------------- เวสสันดรชาดก. จาก https://www.watbuddha.org/th/maha-vessantara-jataka/
ปกหน้าจารอักษรไทยลงหมึกแดงว่า “ข้าพเจ้าพระทองศุขสร้างไว้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2464 ขออุทิศกุศลอันนี้ไปให้แก่มารดา บิดา อันสู่ยังโลกโนนแล้ว นิพพาน ณ ปัจจะโยโหตุ ฯะ-ปีละกา” ต่อมามีจาร “พระทองศุข สร้างพระธรรมในศาสนา อุทิศกุศลไปให้แก่จีนบุญ นางสุด (บิดามารดา) และขอให้เป็นอุปนิสัยไปจนเข้าสู่พระนิพพาน”