วัดบางช้างเหนือ ตั้งอยู่เลขที่ 79 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2370 ในแผ่นดินรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เดิมชื่อ วัดใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ.2459 สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จตรวจเยี่ยมวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอสามพราน และตรัสให้เรียกใหม่ว่า วัดบางช้างเหนือ
โบราณสถานเก่าแก่ของวัดได้แก่อุโบสถหลังเก่ามีขนาดค่อนข้างเล็กตั้งอยู่ด้านหน้าติดริมแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน ภายในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ 3 องค์ ก่อด้วยอิฐมอญแล้วปั้นปูนพอกทับอีกชั้นหนึ่งศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2493 ทางวัดได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นและทำพิธีเททองพระประธานเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ มาเททอง พระพุทธชินราชจำลองซึ่งประดิษฐานอยู่ในอุโบสถและทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ไว้ทางซ้ายของอุโบสถ วัดบางช้างเหนือ ได้ประกาศตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2470 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493
ในอดีตพระเถระที่มีชื่อเสียงของวัดนี้ ได้แก่ หลวงปู่จ้อย อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 2 พระครูปลัดผัน (ดิสฺสสุวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 5 และพระครูวุฒิกรโศภณ (สงัด อุคฺคเสโน) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 6 ปัจจุบันมีพระพิพัฒน์ศึกษากร เป็นเจ้าอาวาส
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม http://www.m-culture.in.th/moc_new/album/150597/วัดบางช้างเหนือ/)
ในสมัยหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฎบรรพตคีรี ใกล้ราชธานีราชคฤห์มหานคร ทรงแสดงอาการวัตตาสูตร กำหนดด้วยวรรค ๕ วรรค มีนวราทิคุณวรรค เป็นต้น จนถึงปารมีทัตตะวรรค เป็นคำรบ ๕ คาถาอาการวัตตาสูตรนี้ มีอานุภาพยิ่งกว่าสูตรอื่นๆ ในการที่ป้องกันภัยอันตรายแก่ผู้มาตามระลึกอยู่เนืองนิตย์ บาปกรรมทั้งปวงจะไม่ได้ช่องหยั่งลงสู่สันดานได้ด้วยอำนาจอาการวัตตาสูตรนี้ ปกลานจารเป็นอักษรขอมและอักษรไทยว่า “พระพุทธศักราชล่วงแล้วได้ 2458 พรรษา ข้าฯ แม่อิ่ม มีใจศรัทธาสร้างหนังสือนี้ ไว้ในพระพุทธศาสนา ขอให้สำเร็จแก่พระนิพพาน ในอนาคตกาลโน้นเทอญ”
ตำราโหราศาสตร์เล่มนี้กล่าวถึงเรื่อง เทพจรประจำกาย ดูฤกษ์วันต่างๆ วันอมฤตโชค วันสิทธิโชค วันมหาสิทธิโชค เรื่องกรุงพาลีการตั้งศาลพระภูมิ ตำราดูนาควัน ตำราดูปลวกขึ้นเรือน
ตำราฝีมะเร็ง มีภาพตำแหน่งฝีแต่ละชนิดบนร่างกายคน รูปร่างลักษณะของฝีต่างๆ และตำรับยาแก้ฝีต่างๆ เหล่านั้น นอกจากนี้ยังตำรับยาอื่นๆอีก เช่น ยาหยอดตา ยาแก้แสบ ยาแก้ราก ยาแก้เยี่ยวมิออก ยาแก้คางแข็ง ยาแก้เจ็บอก ยาแก้ฝีฟกบวม ยาแก้ฝีขึ้นในคอ ยาแดงใหญ่ ยาเหลือง หน้าปลายเป็นเรื่องคล้ายๆ ตำราโหราศาสตร์ แต่เป็นเรื่องใดยังไม่ทราบแน่ชัด
พระวิภังคปกรณ์ ผูก ๒ อธิบายข้อธรรมที่รวมเป็นหมวดหมู่(เรียกวิภังค์หนึ่งๆ) แยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระอภิธรรมนี้ในพรรษาที่ ๗ นับจากตรัสรู้ ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์เสด็จไปประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต พระอินทร์ทราบจึงรีบเสด็จไปยังภพดุสิตอันเป็นที่สถิตของพระสิริมหามายาแล้วกราบทูล พระสิริมหามายาทรงสดับและทรงโสมนัสจึงเสด็จจากภพดุสิตไปภพดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาตรัสเชิญพระสิริมหามายาพุทธมารดาให้เข้าไปใกล้ ให้เป็นประธานแก่เทพยดาทั้งหลาย แล้วจึงโปรดประทานพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตามลำดับจนครบสามเดือน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ พระอภิธรรมนี้ ชาวพุทธถือว่าออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงเทศนาโปรดเทพยดามีพระพุทธมารดาเป็นประธานเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธมารดา