วัดเจ็ดริ้ว ตั้งอยู่ในตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่ริมคลองเจ็ดริ้ว ในอดีตประชาชนจะใช้ทางนำเป็นทางสัญจรไปมา ปัจจุบันมีถนนสายบ้านแพ้ว-วัดคลองตัน ผ่าน วัดนี้เป็นศูนย์รวมประเพณีชาวรามัญ ปัจจุบันได้อนุรักษ์ประเพณีการสวดมนต์ทำนองรามัญ
คำว่า “เจ็ดริ้ว” มีที่มาที่ไปพอจะสืบค้นจากเอกสารอื่นๆ ได้ว่า มาจากเรื่องเล่าว่า ในอดีตกาลนานมาแล้ว มีอยู่วันหนึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้ไปหาปลาและได้ปลามามากมาย ที่เหลือจากทำอาหารรับประทาน ก็ได้นำมาทำเป็นปลาเค็มไว้ เล่ากันว่าปลาช่อนตัวหนึ่ง ตัวโตมากเมื่อผ่าออกแล้วทำเป็นริ้ว ๆ เพื่อสะดวกในการทาเกลือและทำให้แห้งเร็ว ปรากฎว่านับได้ถึงเจ็ดริ้ว ตั้งแต่นั้นพื้นที่บริเวณนี้ จึงถูกขนานนามว่า “เจ็ดริ้ว” ซึ่งเนื้อหาทำนองนี้นั้นคล้ายกับคำว่า “แปดริ้ว” ของชาวฉะเชิงเทรา
วัดเจ็ดริ้ว แต่เดิมตั้งอยู่บนที่ดอน ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2480 ชาวเจ็ดริ้วได้ร่วมมือ กับทางราชการขุดคลองขึ้นตามแนวร่องน้ำซึ่งมีอยู่เดิม เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา และขุดผ่านหน้าวัดพอดี คลองนี้มีความยาว 8 กิโลเมตรเศษ โดยขุดตัดกับคลอง ดำเนินสะดวกไปทะลุคลองจีนดา จึงทำให้มองเห็นสภาพของวัดเจ็ดริ้ว ตั้งอยู่ริมคลอง ฝั่งตะวันตก ปัจจุบัน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดจำนวนเนื้อที่ 98 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา วัดนี้ตั้งขึ้นประมาณเกือบร้อยปีได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่า “วัดรามัญวงศ์วราราม” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “วัดเจ็ดริ้วรามัญวงศ์” และ ในปัจจุบันนี้ชื่อว่า “วัดเจ็ดริ้ว”
วัดเจ็ดริ้ว สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2436 โดยมีชาวเจ็ดริ้วเชื้อสายรามัญคือ กำนันไกร บ้านพาดหมอน ผู้ใหญ่อินทร์ ทองชิว กำนันตู้ บ้านดอนครุฑ นายยก ร้อยอำแพง นายเจริญ ร้อยอำแพง นายชู มอญใต้ นายเลาะ พึ่งบ้านเกาะ นายถึก ไวยาวัจกร พร้อมด้วยประชาชนได้ร่วมกันปรึกษาหารือ จะสร้างวัดไว้ประจำหมู่บ้าน เพราะวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา เป็นสถานที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษา เป็นสถานที่บำเพ็ญบุญให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เป็นจุดรวมน้ำใจคนในหมู่บ้าน จึงได้กำหนดเอาวันอาทิตย์ซึ่งเป็น วันธงชัยเป็นวันยก เสาเอก ตามภาษิตที่ว่า “สร้างวัดวันอาทิตย์ สุขตามติดทุกวันไป มีโชคเพราะธงชัย แสนเปรมปรีดิ์ในอาราม”
การดำเนินการก่อสร้างวัด และในระยะแรกการก่อสร้างใช้วัสดุพื้นบ้าน เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องซื้อจากร้านค้าบ้างลักษณะกุฏิหรือวัดแต่เดิมนั้น ใช้โครงไม้เนื้อแข็ง หลังคามุงกระเบื้อง สร้างขึ้นไล่เลี่ยกันถึง 3 หลัง และหอฉันอีกหนึ่งหลัง
------------------------------------
อ้างอิง
ข้อมูลจาก http://jedriew.freevar.com/Jedriew%๒๐temmple.htm
“ปฐมสมโพธิกถา” มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า “เรื่องราวเกี่ยวแก่การตรัสรู้โดยแจ่มแจ้งและเลิศล้ำของพระพุทธเจ้าซึ่งเพิ่งจะบังเกิดผ่านพ้นไป” ปฐมสมโพธิกถาแบ่งเนื้อหาออกเป็น 29 ตอน แต่ละตอนเรียกว่า ปริจเฉจ แม้ชื่อเรื่องปฐมสมโพธิกถาจะเน้นพุทธประวัติตอนตรัสรู้ แต่เนื้อเรื่องของปฐมสมโพธิกถาครอบคลุมประวัติทั้งหมดของพระสมณโคดมพุทธเจ้าตั้งแต่กำเนิดศากยตระกูลและการวิวาห์ระหว่างพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาและพระนางสิริมหามายาพุทธมารดา พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์พระพุทธมารดาและมีเรื่องและเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวแก่พระธาตุผนวกอยู่ตอนท้ายของเรื่อง (ข้อมูลจาก https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=116)
กัณฑ์มหาราช เป็น กัณฑ์ที่เทพเจ้าจำแลงองค์ทำนุบำรุง ขวัญสองกุมารก่อนเสด็จนิวัติถึงมหานคร สีพี เมื่อเดินทางผ่านป่าใหญ่ชูชกจะผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนเองปีนขึ้นไปนอนต้นไม้ เหล่าเทพเทวดาจึงแปลงร่างลงมาปกป้องสองกุมาร จนเดินทางถึงกรุงสีพี พระเจ้ากรุงสีพีเกิดนิมิตฝันตามคำทำนายยังความปีติปราโมทย์ เมื่อเสด็จลงหน้าลานหลวงตอนรุ่งเช้าทอดพระเนตรเห็นชูชกพากุมารน้อยสององค์ ทรงทราบความจริงจึงพระราชทานค่าไถ่คืน ต่อมาชูชกก็ดับชีพตักษัยด้วยเพราะเดโชธาตุไม่ย่อย ชาลีจึงได้ทูลขอให้ไปรับพระบิดาพระมารดานิวัติพระนคร ในขณะเดียวกันเจ้านครลิงคะได้โปรดคืนช้างปัจจัยนาคแก่นครสีพี ----------- เวสสันดรชาดก. จาก https://www.watbuddha.org/th/maha-vessantara-jataka/