วัดเจ็ดริ้ว

ชื่อ
วัดเจ็ดริ้ว
ประเภท
วัด
ที่อยู่
ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร 74120
ตำบล
เจ็ดริ้ว
อำเภอ
บ้านแพ้ว
จังหวัด
สมุทรสาคร
คำสำคัญ

วัดเจ็ดริ้ว ตั้งอยู่ในตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่ริมคลองเจ็ดริ้ว ในอดีตประชาชนจะใช้ทางนำเป็นทางสัญจรไปมา ปัจจุบันมีถนนสายบ้านแพ้ว-วัดคลองตัน ผ่าน วัดนี้เป็นศูนย์รวมประเพณีชาวรามัญ ปัจจุบันได้อนุรักษ์ประเพณีการสวดมนต์ทำนองรามัญ

คำว่า “เจ็ดริ้ว” มีที่มาที่ไปพอจะสืบค้นจากเอกสารอื่นๆ ได้ว่า มาจากเรื่องเล่าว่า ในอดีตกาลนานมาแล้ว มีอยู่วันหนึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้ไปหาปลาและได้ปลามามากมาย ที่เหลือจากทำอาหารรับประทาน ก็ได้นำมาทำเป็นปลาเค็มไว้ เล่ากันว่าปลาช่อนตัวหนึ่ง ตัวโตมากเมื่อผ่าออกแล้วทำเป็นริ้ว ๆ เพื่อสะดวกในการทาเกลือและทำให้แห้งเร็ว ปรากฎว่านับได้ถึงเจ็ดริ้ว ตั้งแต่นั้นพื้นที่บริเวณนี้ จึงถูกขนานนามว่า “เจ็ดริ้ว” ซึ่งเนื้อหาทำนองนี้นั้นคล้ายกับคำว่า “แปดริ้ว” ของชาวฉะเชิงเทรา

วัดเจ็ดริ้ว แต่เดิมตั้งอยู่บนที่ดอน ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2480 ชาวเจ็ดริ้วได้ร่วมมือ กับทางราชการขุดคลองขึ้นตามแนวร่องน้ำซึ่งมีอยู่เดิม เพื่อสะดวกในการสัญจรไปมา และขุดผ่านหน้าวัดพอดี คลองนี้มีความยาว 8 กิโลเมตรเศษ โดยขุดตัดกับคลอง ดำเนินสะดวกไปทะลุคลองจีนดา จึงทำให้มองเห็นสภาพของวัดเจ็ดริ้ว ตั้งอยู่ริมคลอง ฝั่งตะวันตก ปัจจุบัน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดจำนวนเนื้อที่ 98 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา วัดนี้ตั้งขึ้นประมาณเกือบร้อยปีได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่า “วัดรามัญวงศ์วราราม” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “วัดเจ็ดริ้วรามัญวงศ์” และ ในปัจจุบันนี้ชื่อว่า “วัดเจ็ดริ้ว”

วัดเจ็ดริ้ว สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2436 โดยมีชาวเจ็ดริ้วเชื้อสายรามัญคือ กำนันไกร บ้านพาดหมอน ผู้ใหญ่อินทร์ ทองชิว กำนันตู้ บ้านดอนครุฑ นายยก ร้อยอำแพง นายเจริญ ร้อยอำแพง นายชู มอญใต้ นายเลาะ พึ่งบ้านเกาะ นายถึก ไวยาวัจกร พร้อมด้วยประชาชนได้ร่วมกันปรึกษาหารือ จะสร้างวัดไว้ประจำหมู่บ้าน เพราะวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา เป็นสถานที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษา เป็นสถานที่บำเพ็ญบุญให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เป็นจุดรวมน้ำใจคนในหมู่บ้าน จึงได้กำหนดเอาวันอาทิตย์ซึ่งเป็น วันธงชัยเป็นวันยก เสาเอก ตามภาษิตที่ว่า “สร้างวัดวันอาทิตย์ สุขตามติดทุกวันไป มีโชคเพราะธงชัย แสนเปรมปรีดิ์ในอาราม”

การดำเนินการก่อสร้างวัด และในระยะแรกการก่อสร้างใช้วัสดุพื้นบ้าน เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องซื้อจากร้านค้าบ้างลักษณะกุฏิหรือวัดแต่เดิมนั้น ใช้โครงไม้เนื้อแข็ง หลังคามุงกระเบื้อง สร้างขึ้นไล่เลี่ยกันถึง 3 หลัง และหอฉันอีกหนึ่งหลัง

------------------------------------

อ้างอิง

ข้อมูลจาก http://jedriew.freevar.com/Jedriew%๒๐temmple.htm

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • SKN001-012 ตำราโหราศาสตร์

    ตำราโหราศาสตร์
    วัดเจ็ดริ้ว , สมุทรสาคร , มอญ , โหราศาสตร์

    สมุดไทยขาวเล่มนี้ เป็นตำราโหราศาสตร์ เขียนด้วยอักษรมอญ ภาษามอญ และภาพยันต์เล็กน้อย หน้าสุดท้ายมีอักษรภาษาไทย “บวกอายุผู้ดูแล้วเอา 8 หาร”

  • SKN001-122 มหาวิบาก ปฐมวัคค์ ผูก 1

    ธรรมคดี
    มอญ , บาลี , ใบลาน , ล่องชาด , วัดเจ็ดริ้ว , สมุทรสาคร , ธรรมคดี , มหาวิบาก

    ธัมม์หรือคัมภีร์ชื่อมหาวิบาก เป็นคัมภีร์ที่นิยมใช้เทศน์โปรดผู้ป่วยหนักเชื่อว่าหากได้ “ฟังธัมม์” กัณฑ์นี้แล้ว ผู้ป่วยนั้นถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็จะตายโดยสงบ เรื่องย่อมีอยู่ว่า พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมเทศนา ความว่า กาลครั้งหนึ่งยังมีเศรษฐีคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองสาวัตถี มีทรัพย์สมบัติถึง 80 โกฏิ แต่เขาเป็นคนที่ขี้เหนียวมาก ไม่ยอมใช้เงินซื้ออาหารดีๆ มากิน กินปลายข้าวด้มทุกวัน เสื้อผ้าก็ใส่เสื้อผ้าที่ทอด้วยป่าน เวลาจะเดินทางไปที่ใดก็จะนั่งเกวียนเก่าๆ ไม่ยอมทำบุญทำทาน เพราะกลัวว่าทรัพย์สมบัติที่มีอยู่จะหมดไป ต่อมาไม่นานเศรษฐีก็ป่วยตาย หลังจากเศรษฐีตาย พระยาปเสนทิโกสละกษัตริย์ผู้ครองเมือง จึงได้สั่งให้ทหารไปขนทรัพย์สมบัติของเศรษฐีมาไว้ยังท้องพระคลังเพราะเศรษฐีไม่มีผู้สืบสกุล ซึ่งใช้เวลาถึง 7 วันจึงขนทรัพย์สมบัติมาไว้ในท้องพระคลังได้หมดวันต่อมาพระยาปเสนทิโกสละก็ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า และทรงเล่าเรื่องราวของเศรษฐีให้พระพุทธเจ้าฟัง แล้วทรงทูลถามว่าเหตุใดเศรษฐีจึงไม่สามารถใช้ทรัพย์สมบัติมากมายที่ตนเองมีได้ และทำไมเศรษฐีจึงไม่มีผู้สืบสกุล พระพุทธเจ้าจึงได้แสดงธรรมเทศนาถึงกรรมเก่าของเศรษฐีว่า ในชาติก่อนเศรษฐีเป็นกุฎมพีคนหนึ่งอยู่ในเมืองพาราณสีเขาเป็นคนไม่ชอบทำบุญทำทาน วันหนึ่งมีพระมาบิณฑบาตเขาก็ได้ตะโกนบอกคนทั้งหลายว่า มีพระมาบิณฑบาต ใครอยากทำบุญก็ให้รีบมา จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าป่าไปไม่ได้สนใจที่จะทำบุญ เมียของนายกุฎมพีเป็นคนชอบทำบุญจึงได้จัดหาอาหารมาใส่บาตร นายกุฎมพีกลับมาเห็นเมียใส่บาตรจึงเกิดความเสียดายอาหาร จึงเป็นสาเหตุที่ชาตินี้เขาจึงไม่สามารถใช้ทรัพย์สมบัติที่ตนเองมีได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ไม่มีผู้สืบสกุลเพราะได้ฆ่าลูกชายของพี่ชายตัวเองที่ไปบวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่าตาย เพราะกลัวหลานจะแย่งทรัพย์สมบัติที่เคยเป็นของพ่อคืนเพราะก่อนออกบวชพี่ชายได้ยกทรัพย์สมบัติให้เขาหมดแล้ว แต่จากกุศลที่กุกุมพีได้ตะโกนให้ผู้คนรู้ว่ามีพระมาบิณฑบาดจึงส่งผลให้เมื่อตายไปก็ไปจุดิบนสวรรค์ถึง 7 ชาติ จากนั้นก็มาเกิดเป็นเศรษฐีอยู่เมืองสาวัตถี แต่บุญของเศรษฐีก็หมดในชาตินี้แล้ว “มหาวิบาก (คัมภีร์).” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม 10. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542: 5061-5061.

  • SKN001-108 มหาเวสสันดร กัณฑ์ 5 ชูชก

    ธรรมคดี
    วัดเจ็ดริ้ว , สมุทรสาคร , มอญ , ธรรมคดี , ทองทึบ , เวสสันดร , ชูชก

    กัณฑ์ที่ 5 คือกัณฑ์ชูชกเล่าเรื่อง ชูชกเป็นพราหมณ์ที่มีรูปร่างน่าเกลียด มีอาชีพเป็นขอทาน ที่จะมาขอพระกัณหาและพระชาลีมาเป็นทาสรับใช้ (ข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/มหาเวสสันดรชาดก)

  • SKN001-171 ฉกษัตริย์

    วรรณคดี
    ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) , เอกสารโบราณ , เอกสารตัวเขียน , ใบลาน , มอญ , บาลี , วัดเจ็ดริ้ว , สมุทรสาคร , ธรรมคดี , ล่องชาด , ฉกษัตริย์ , เวสสันดร

    กัณฑ์ฉกษัตริย์ เป็น กัณฑ์ที่ทั้งหกกษัตริย์ถึงวิสัญญี ภาพสลบลงเมื่อได้พบหน้า ณ อาศรมดาบสที่เขาวงกตพระ เจ้ากรุงสญชัยใช้เวลา 1 เดือน กับ 23 วันจึงเดินทางถึงเขาวงกต เสียงโห่ร้องของทหารทั้ง ๔ เหล่า พระเวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมารบนครสีพี จึงชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขา พระนางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดาจึงได้ตรัสทูลพระเวสสันดรและเมื่อหก กษัตริย์ได้พบหน้ากันทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่นครืนท้าวสักกะเทวราชจึงได้ทรงบันดาลให้ฝนตกประพรมหก กษัตริย์และทวยหาญได้หายเศร้าโศก
    -----------
    เวสสันดรชาดก. จาก https://www.watbuddha.org/th/maha-vessantara-jataka/